"โกง" ทันทีที่อ้าปาก?

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556



โครงการแก้ปัญหาน้ำใช้งบ 3.5 แสนล้านบาท กับโครงการรถไฟความเร็วสูงใช้งบ 2.2 ล้านล้านบาท ชักดูจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าโครงการจำนำข้าวเสียแล้ว

แถมจะกลายเป็นวาระหว่านล้อมเชิงปลุกระดมทางวาทกรรมมากกว่าข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ

โครงการจำนำข้าวผ่านมาเกือบสองรอบปีการผลิต มีผลทำให้ชาวนาส่วนหนึ่ง ได้รับผลกำไรและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจริง แต่ก็ทำให้ชาวนาอีกส่วนร้องไห้เพราะไร้พลังต่อรองกับโรงสีที่เอารัดเอาเปรียบทุกวิถีทางตามประสาพ่อค้าหน้าเลือด ที่มักกวาด "เศษข้าวเปลือกจากล้อเกวียน" ของชาวนาทุกครัวเรือน รวมแล้วสามารถเอาไปหักเป็นค่าน้ำมันหรือค่าสึกหรอของโรงสีได้สบายๆ

สำคัญที่สุดการจำนำข้าว ไม่อาจรอดพ้นพ่อค้ารายใหญ่ที่ใช้ชั้นเชิงเหนือกว่า ชาวนาหลายเท่า เอาส่วนต่างของแผนจำนำข้าวโกยกำไรไปแบบพุงกาง อย่างที่ฝ่ายค้านแฉแหลกกับบางบริษัทที่อยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่สมัยอดีตรัฐมนตรีพาณิชย์คนหนึ่งเคยให้โควตาข้าวส่งออกทั้งประเทศเพียงรายเดียวมาแล้ว

นิทานวันนั้นสอนให้รู้ว่า การหวังรวยแบบผูกขาด ย่อมก่อศัตรูวงการเดียวกันโดยอัตโนมัติ

มาวันนี้ถ้าคิดจะตุกติกแบบเดิม ก็ไม่พ้นวงจรเพาะศัตรูอยู่เช่นเดิม

แต่กับโครงการแก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท หรือโครงการรถไฟความเร็วสูง 2.2 ล้านล้านบาทนี่ ทั้งๆ ที่งานภาคปฏิบัติยังไม่ได้เริ่ม นอกจากเตรียมการให้เป็นไปตามขั้นตอนของแผนงาน ก็กลับถูกนำมาละเลงร้ายให้กลายเป็นมหากาพย์ ที่ชั่วช้ามหาโกงตั้งแต่ยังไม่นับ 1 เสียแล้ว

แน่นอนการวิพากษ์หรือเตือนสติเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายปฏิบัติควรระมัดระวัง ยิ่งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศเอาจริงกับขบวนการทุจริตของทุกโครงการหลังตั้ง ครม.ชุดใหม่ นายกรัฐมนตรีก็ควรต้องมีหน่วย "จมูกไว" ไม่ว่าจะเป็นข้อสงสัยได้ "กลิ่นโกง" โชยมา ก็ต้อง "รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม" เสียก่อน

ดีที่สุด นายกฯ ควรตั้งทีมตรวจสอบ 2 ชุดจากประชาชน คุม 2 โครงการยักษ์ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพื่อตรวจสอบว่าโครงการทั้งหมดได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายทุกฉบับหรือไม่ เพราะอะไร?

ก็เพราะทั้ง NGO ที่ "แป๊ะลิ้ม" สนธิ ลิ้มทองกุล พูดในรายการ ASTV มาระยะหนึ่งเพื่อโน้มน้าวด้วยเหตุอะไรทราบว่า NGO เป็นฝ่ายรัฐบาลไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเรื่องต่างๆ ที่เห็นและเป็นไปในวันนี้ NGO ก็ยังไม่เคยเห็นดีกับรัฐบาล แม้แต่เรื่องเดียว...รวมทั้ง 2 โครงการนี้ด้วย

หรือว่าพูดไปเรื่อยๆ เพื่อหวังสั่งสมความชั่วร้ายให้ฝ่ายอื่นเสียหายจนกระทั่ง ถึงวันหนึ่งก็จะเกิดความชอบธรรมในการยั่วยุให้ทหารออกมาปฏิวัติรัฐประหารกันอีก

โครงการแก้ปัญหาน้ำเมื่อสำเร็จเสร็จเป็นพระราชกำหนดแล้ว ทุกอย่างก็ต้อง ดำเนินไปตามระเบียบราชการ ถ้าศาลปกครองมีคำสั่งให้ไปทำประชาพิจารณ์ก่อน รัฐบาลก็ต้องไปศึกษาข้อกฎหมาย

ส่วนการลงนามในสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่กระทรวงการคลังโดยรองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลโดยมีรองปลัดกระทรวงการคลัง พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ก็ต้องเดินไปตามขั้นตอนของระเบียบราชการ...ต้องเซ็นสัญญาไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ถ้ายังไม่ได้เบิกเงิน มาใช้ ก็ยังไม่มีภาระค่าดอกเบี้ย แต่น่าจะเป็น "ความพร้อม" ของโครงการ ถ้าส่วนอื่นถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เงินกู้ก็พร้อมที่จะเบิกใช้ได้ทันที

ไม่ใช่ใช้วิธีการแบบนักการเมืองที่ต้องให้สะดุดหยุดลงทุกเรื่อง เพียงเพราะคำพูดที่พยายามโยงให้ดูเสมือนเป็นความผิดล่วงหน้าไปอย่างน่าเสียดายโอกาส

หรือต้องละเลงน้ำลายให้คนในประเทศนี้เชื่อเป็นนิสัยไปเลยว่า "โกงทันทีที่อ้าปาก"

หรือเพราะกลัวว่า ถ้าโครงการสำเร็จแล้วรัฐบาลได้หน้า ตัวเองจะเสื่อมความนิยม?

งานนี้ไม่ใช่กรณีฆ่าคนตาย เหมือนนักการเมืองบางคนกำลังปิดบังอำพราง ให้หายไปกับสายลม และ ส.ส.บางพรรคนั้นมีอดีตเคยรับจ้างฆ่าคนในพรรคเดียว กันที่บันทึกเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว (ทียังงี้ก็อ้างอีกสิว่า เป็นเรื่องของแต่ละคน ทั้งๆ ที่แปดเปื้อนไปถึงศรัทธาและวุฒิภาวะโดยรวมของพรรคด้วย)

กรณีโครงการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ อาจเป็นวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงาน ที่อาจแตกต่างกันในเชิงบริหาร ซึ่งก็เห็นชัดว่า แม้นายกฯ ปูจะอ่อนพรรษาทาง การเมือง แต่ก็พูดไม่ได้เลยว่าคุณยิ่งลักษณ์อ่อนด้อยในด้านบริหารจัดการ เมื่อ เทียบกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งเป็นนายกฯ ที่ปล่อยให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกรักษาการแบบ "เหงือกแห้ง" นานแรมปี

การเมืองวันนี้ คงต้องใช้วิจารณญาณหลายชั้นเพื่อกรองออกมาให้ตกผลึกว่า เรื่องไหนควรไว้วางใจ เรื่องใดไม่ควรเชื่อถือ...โดยเฉพาะจากนักการเมืองที่ชอบใช้วาจาคารมขยัน "ผ่าความจริง" โดยละเว้นความผิดพลาดของตัวเองอย่างมีวาระซ่อนเร้น?


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ