นายสัตยา เทพบรรเทิง ผู้จัดการ ทั่วไปฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท เอไอเอ จำกัด เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า จากผลประกอบการของกลุ่มบริษัท เอไอเอในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ธันวาคม 2555-สิงหาคม 2556) โดยระบุว่าความ สำเร็จส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์พรีเมียร์เอเจนซี (Premier Agency) และการปรับโครงสร้างผลประโยชน์สำหรับตัวแทน ประกันชีวิตในประเทศไทยนั้น บริษัทได้ ปรับระบบตัวแทนให้เป็นไปตามเกณฑ์ของกลุ่มมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือ นำเกณฑ์ของคุณวุฒิ MDRT (Million Dollar Round Table) มาใช้กับคุณสมบัติพื้นฐานของตัวแทนพรีเมียร์เอเจนซี พร้อมกับสนับสนุนตัวแทนให้ติดคุณวุฒินี้มากขึ้น จึงทำให้มีตัวแทนติดคุณวุฒินี้มากกว่า 400 คนแล้ว
"เราพยายามที่จะปรับให้เข้ากับเกณฑ์ของทางกรุ๊ป แต่เนื่องจากเรามีตัวแทนพาร์ตไทม์เยอะ ไม่เหมือนประเทศอื่นที่เป็นตัวแทนฟูลไทม์ หรือเต็มเวลาเยอะ ก็เลยทำให้เราอาจจะสร้าง MDRT ได้น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนตัวแทนทั้งหมด ของเราที่มีอยู่กว่า 70,000 คน แต่ในแง่ ของผลงาน และความยั่งยืนก็เพิ่มขึ้น"
ขณะเดียวกันก็ได้ปรับตัวแทนที่ไม่แอ็กทีฟออกไปด้วย ทำให้เหลือตัวแทน อยู่ประมาณ 70,000 คนในปัจจุบัน ซึ่ง เทียบกับผลงานที่ทำได้ถือว่าดีกว่าเดิม ทั้งในแง่ของเบี้ย และจำนวนราย และยังทำให้ความยั่งยืนกรมธรรม์ดีขึ้น โดย ตัวแทนที่ยังไม่ติด MDRT ก็เป็นมืออาชีพ เบี้ยต่ออายุก็ดีขึ้น โดยในช่วง มกราคม-สิงหาคม 2556 บริษัทมีอัตรา ความยั่งยืนกรมธรรม์อยู่ที่ 86% มีเบี้ย ต่ออายุ 52,151.4 ล้านบาทเติบโต 5%
อย่างไรก็ดี ปี 2555 ที่ผ่านมาเอไอเอได้ปรับโครงสร้างการเลื่อนตำแหน่งในระดับผู้บริหารหน่วยให้มีความกระชับและสอดคล้องกับการเติบ โตของธุรกิจมากขึ้น โดยสามารถผลักดันตัวแทนขึ้นตำแหน่งระดับผู้จัดการหน่วย หรือ ยูนิต แมเนเจอร์ ได้มากถึง 1,202 คน จากในอดีตจะขึ้นตำแหน่งเฉลี่ยเพียงประมาณ 100 คนต่อปีเท่านั้น พร้อมกับนำระบบคัดเลือกตัวแทน แบบ ทดสอบออนไลน์ Life Insurance Management Research Association (LIMRA) จากประเทศสหรัฐอเมริกา เข้ามาใช้ เพื่อคัดเลือกตัวแทนที่มีคุณภาพ และใจรักในการบริการ รวมไปถึงการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง การนำเทคโน-โลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนและลูกค้า เช่น iPOS แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนช่วย อำนวยความสะดวกในการขายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการของ กลุ่มบริษัทเอไอเอในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2556) สามารถ สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ถึง 1,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 30,720 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 812 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,360 ล้านบาท มีเบี้ยรับปีแรก (ANP) 2,366 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 70,980 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบกับ 1,883 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 56,490 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีเบี้ยรับรวม (TWPI) 12,904 ล้านดอล ลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 387,120 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบกับ 11,157 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 334,710 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) คิดเป็น 44.7% หรือ เพิ่มขึ้น 2.1 จุด
โดยช่องทางขายผ่านตัวแทน คือ หัวใจสำคัญในการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ สูงถึง 71% ในช่วงไตรมาส 3 และ เป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่โดยรวม รวมทั้งความสำเร็จของกลยุทธ์พรีเมียร์เอเจนซี เห็น ได้จากการเติบโตทั้งจำนวนของตัวแทน และเบี้ยในไตรมาส 3 รวมทั้งการปรับโครงสร้างผลประโยชน์ตัวแทนของเอไอเอ ประเทศไทยตามที่ได้ย้ำในไตรมาส 2 ขณะที่ช่องทางขายผ่านพันธมิตรธุรกิจได้รับอานิสงส์จากช่องทางแบงก์ แอสชัวรันส์ที่เติบโตแข็งแกร่ง และประกันกลุ่ม รวมไปถึงการปรับโครงสร้างในช่องทางไดเรกต์มาร์เก็ตติ้งในเกาหลีอีกด้วย