ลุควิค ไซ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พูม่า สปอร์ตส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พูม่าเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายและรองเท้ากีฬาจากประเทศเยอรมนีที่อยู่คู่วงการกีฬามาอย่างยาวนาน และกำลังจะครบรอบ 75 ปี ในปีหน้าที่กำลังจะถึงนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของพูม่าที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการกีฬามาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ภาพลักษณ์ของพูม่านั้นยังมีความเป็นกีฬาอยู่มาก ทำให้ผู้คนอาจคิดว่านำมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ยาก เราจึงอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ให้สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับกระแสชุดกีฬาลำลองที่กำลังมาแรงในกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา
สำหรับในประเทศไทยเป็นประเทศที่มีตลาดเครื่องแต่งกายกีฬาใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เริ่มสนใจเล่นกีฬาในประเภทต่างๆ อาทิ วิ่ง เทรนนิ่ง ยิม ฟุตบอล บาสเก็ตบอล รวมไปถึง มอเตอร์สปอร์ต รวมไปถึงมีการสวมใส่ชุดกีฬาเป็นชุดลำลองส่งผลให้ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดที่ 17,300 ล้านบาท จากทั้งอาเซียนที่มีมูลค่า 67,500 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่งผลให้พูม่าเห็นศักยภาพตลาดเครื่องแต่งกายและรองเท้ากีฬาในประเทศไทยที่มีกำลังซื้อสูง และมองเห็นโอกาสที่จะสามารถเติบโตในตลาดนี้ได้อีกในอนาคต
ทั้งนี้ ทางบริษัทแม่ในประเทศเยอรมนีจึงต้องการเข้ามาทำตลาดด้วยตนเอง ซึ่งช่วงเดือนม.ค.ปีที่ผ่านมาได้เข้ามาตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทย เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องแต่งกายพูม่าให้กับตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายกีฬาต่างๆปัจจุบันมี 12 ราย อาทิ เรฟรัน ซูเปอร์สปอร์ต จากเดิมแต่งตั้งให้ บริษัท เยอรมัน สปอร์ต แอนด์ ไลฟ์สไตล์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งการที่บริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเองครั้งนี้คาดว่าจะช่วยให้แบรนด์พูม่าขยายตัวและเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก
ล่าสุด บริษัทจึงได้เปิดแฟลกชิพสโตร์หรือร้านขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสาขาแรกในห้างสยามเซ็นเตอร์ พร้อมกับการปรับเปลี่ยนรูปโฉมแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ให้ดูเข้าถึงได้ สวมใส่ได้ง่าย ทันสมัย และสามารถนำ sport style มาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงความพรีเมียม รวมทั้งความเป็นกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์หลักของแบรนด์พูม่าไว้ โดยพูม่ามีแผนจะเพิ่มสาขาในประเทศไทยเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดตามชานเมือง และหัวเมืองสำคัญ โดยจะเริ่มขยายสาขาในกรุงเทพฯ ก่อนเป็นที่แรกจากปัจจุบันมี 20 สาขา ที่เปิดให้บริการผ่านตัวแทนจำหน่าย และจากนั้นก่อนสิ้นปี65 นี้จะเปิดแฟลกชิพสโตร์ที่เซ็นทรัลเวสเกตเพิ่มอีก 1 แห่ง และปีหน้าเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์อีก 1 แห่ง พร้อมกับเปิดสาขาปกติรวม 10 สาขา ตั้งเป้าหมายในอีก 2-3 ปีจากนี้จะเร่งขยายสาขาทั้งจากตัวแทนจำหน่ายและบริษัทเปิดเองรวม 80 สาขา และเพิ่มเป็น 100 สาขาใน 5 ปี รวมทั้งการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น e-commerce ผ่านเว็บไซต์ puma.com และมีแผนที่จะร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรผู้ค้าส่ง (Wholesale Partners) กลุ่มผู้ค้าปลีกมัลติแบรนด์ (Multi-Branded Retailers) และกลุ่มห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่ออำนวยความสะดวก และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
“ผมเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีตลาดเครื่องแต่งกายกีฬาใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางพูม่าเห็นศักยภาพในการซื้อดังกล่าวของกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทย จึงมีความตั้งใจที่จะเปิดสาขาอย่างเป็นทางการที่นี่ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Gen Z เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่ากลุ่มคนในเจเนอร์เรชั่นนี้มีสิ่งที่คล้ายคลึงกับ
แบรนด์เป็นอย่างมาก จึงอยากสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ว่าพูม่าอยากสนับสนุนให้ทุกคนออกตามหาตัวเอง เป็นตัวของตัวเองไม่เดินตามใคร ได้เป็นตัวเอง แล้วจะรักตัวเองมากยิ่งขึ้นไปกับพูม่า ผ่านแคมเปญ Find Yourself Faster และเรายังได้นักแสดงหนุ่มอย่าง “ลุค - อิชิคาว่า” มาเป็นแอมบาสเดอร์ประจำประเทศไทยคนแรกอีกด้วย”
ผู้บริหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบัน พูม่ามีสินค้าเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายกีฬา รวมไปถึงชุดลำลองกีฬาและชุดลำลองธรรมดาให้ลูกค้าได้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์การกีฬาประเภทต่างๆ อาทิ กีฬาวิ่ง เทรนนิ่ง ยิม ฟุตบอลบาสเก็ตบอล รวมไปถึง มอเตอร์สปอร์ต ครอบคลุมทั้งเครื่องแต่งกายผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยให้บริการผ่านทางห้างสรรพสินค้าชั้นนำแผนกเครื่องแต่งกายกีฬา ร้านค้าพันธมิตร และร้านค้ามัลติแบรนด์ โดยทางพูม่าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า และก้าวขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ในวงการเครื่องแต่งกายและรองเท้ากีฬาไทย พร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าครองใจกลุ่ม Gen Z แต่ยังคงสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้