Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
40 วันเดิมพัน "ดับไฟใต้"?!
40 วันเดิมพัน "ดับไฟใต้"?!
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ดูเหมือน "ข้อตกลงสันติภาพ" จะขยับคืบหน้าไปอีกขั้น..หลังมีคำ แถลงการณ์ "หยุดยิง" ในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ของ "ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม" อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้
เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ "บีอาร์เอ็น" สามารถบรรลุข้อตกลง.. กระทั่งออกเป็นแถลงการณ์ร่วม "สันติรอมฎอน" ที่จะเริ่มตั้งแต่ 10 ก.ค.-18 ส.ค. และเพิ่มเติมถึง "ฮารีรายอ" เป็นเวลา 40 วัน โดยที่ "บีอาร์เอ็น" เน้นย้ำว่าจะยุติเหตุความรุนแรงในช่วง "เดือนรอมฎอน" เพื่อแลกกับการที่ "ไทย" ยอมลดระดับการตรวจค้นในพื้นที่
ถึงแม้จะเป็น "สันติภาพ" แค่เพียงชั่วคราว แต่ข้อตกลงในลักษณะนี้ ย่อมเป็น "มิติใหม่" ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนของปัญหา "ไฟใต้" และยังคงสร้างความอุ่นใจแก่ "คนไทย" ทั้งประเทศ โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ปลายด้ามขวานทอง
แต่ใช่ว่าจะสามารถ "ไว้วางใจ" ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเลยคงไม่ได้ เพราะด้วยความเชื่อของกลุ่มก่อความ ไม่สงบที่ว่า ถ้าก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอน ผู้ก่อการย่อม "ได้บุญ" เป็น 2 เท่า ฉะนั้นจึงมีกระบวนการ "ปลุกปั่น" ให้เกิดเหตุรุนแรง ที่จะขยายวงมากขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอนในทุกปี
ก่อนหน้าที่จะมีการออกแถลงการณ์ ได้มี "ข่าวลับ" ที่ว่ากันว่า "เสธ.แมว" พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต่อสายตรงถึง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หลายครั้ง เพื่อที่จะให้ "นายใหญ่" ใช้มาตรการเดินเกมใต้ดินอีกทางหนึ่ง โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวในฐานะ "สหายสนิท" ระหว่างเขากับ "นาจิบ ราซัค" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อ "ล็อบบี้" ทางการมาเลเซีย ให้ต่อสาย เรียก "กลุ่มบีอาร์เอ็น" มาถกข้อตกลงสันติภาพอีกทอดหนึ่ง
เพราะนอกจากมาเลเซียถือเป็นฐาน ที่มั่นสำคัญของ "บีอาร์เอ็น" แล้ว ยังเป็นที่รู้กันว่า "ฮัสซัน ตอยิบ" แกนนำกลุ่มที่เข้า เจรจากับทางการไทย เคยทำงานให้ "สันติบาล" ของมาเลเซียมาอย่างยาวนาน
นั่นเพราะลำพัง "ทางการไทย" จะบีบให้ "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ออกแถลงการณ์เองคงเป็นไปได้ยาก
กระทั่งมีข่าวว่า "พล.ท.ภราดร" เดินสาย "ล็อบบี้" โดยปรับเปลี่ยน "ข้อตกลง" ในแถลงการณ์ใหม่อีกครั้ง พร้อมยินยอมให้ "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ปรับเปลี่ยนเนื้อหาได้มากพอสมควร
เมื่อทุกอย่างลงตัว ผู้ประสานงาน "เจรจาสันติภาพ" จึงได้ออกเป็นแถลง การณ์ร่วม 2 ฝ่าย
แต่ถ้าถอดรหัสเนื้อความของ "ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิม" แน่นอนคงไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่า นี่คือ "ความเห็นพ้อง" ของกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งต่างจากการลงนาม "พูดคุยสันติภาพ" เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ทั้ง "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" กับ "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ที่ต่างฝ่ายได้ลงนามเป็น "ตราประทับ" ในเอกสารตกลงร่วมกัน
อีกเหตุผลหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะความหวาดระแวงของ "ทางการไทย" ที่เกรงว่าเนื้อหาในแถลงการณ์ครั้งล่าสุดจะ มีผลบังคับใช้ และอาจไปกระทบกระเทือน ต่อประเทศไทยในภายหลังได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีการลงนาม "ตราประทับ" จากทางการไทย
ด้าน "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้ "หยุดยิง" ทั้งหมดได้ เพราะภายในกลุ่มเอง ก็ยังมีหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยใน "ข้อตกลงสันติภาพ" ถ้าหากจะทำให้มีผลผูก มัดก็จะทำให้ "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ถูกประณามได้ หากมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างนี้
โดยเฉพาะ "แกนนำบีอาร์เอ็น" ในพื้นที่ต่างๆ ที่ยังยืนตรงข้ามกับ "หัวเก่า" ที่มีอิทธิพลในบีอาร์เอ็น
จริงอยู่ที่ว่า "ฮัสซัน ตอยิบ" มีคอน-เน็กชั่นกับพวก "สายเก่า" ที่ยังคงเป็นแกนนำในพื้นที่อยู่ แต่ก็คุมได้เฉพาะ "นราธิวาส" ส่วนใน "ปัตตานี-ยะลา" ล้วนเป็นพวก "แกนนำรุ่นใหม่" ที่ไม่เอาด้วยกับ "ฮัสซัน ตอยิบ" ดังนั้นในพื้นที่ "ปัตตานี-ยะลา" จึงต้องจับตาเป็นพิเศษว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่...
แม้การเปิด "พื้นที่ทางการเมือง" ให้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จะมีเสียงคัด ค้านมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนเริ่มการเจรจา กับ "บีอาร์เอ็น" จนถึงวันลงนามข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติ-ภาพ ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556
กระทั่งปัจจุบันก็ยังคงมีข้อท้วงติง ซึ่งมีทั้งเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเจรจา เพราะนี่อาจเป็นตัวเร่งให้มีการก่อเหตุรุนแรงยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับการเจรจา รวมถึงกรณีที่อาจนำปัญหา "ไฟใต้" ไปสู่เวทีสากล อีกทั้งทางการไทยยังมี "ข้อมูล" ของกลุ่มก่อการน้อยเกินไป ฉะนั้นจึงได้มีกระแสเรียกร้องให้ทบทวนเพื่อล้มโต๊ะเจรจา ก็คงมีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ดี เนื่องจากปัญหาใต้มีความ สลับซับซ้อน ซึ่งนอกจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแล้ว ยังมีกลุ่มอิทธิพลนอกกฎหมาย กลุ่มการเมือง และฝ่ายได้ประโยชน์จากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
ฉะนั้นแล้ว การก่อเหตุอาจมิได้มาจากกลุ่มขบวนการอย่างแท้จริง! หากแต่เป็นการผสมโรงของคนบางกลุ่ม เพื่อหวัง ผลด้านใดด้านหนึ่ง เช่นการระเบิดก่อนหน้าจะมีแถลงการณ์ข้อตกลงร่วม "สันติภาพรอมฎอน" เพียงแค่ 1 วัน หรือแม้แต่เหตุลอบสังหารกลางดึกในวันออกแถลง การณ์ ก็ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้นว่า นี่เป็นการ ก่อการหรือการสร้างสถานการณ์โดยฝ่ายที่ต้องการ "ล้มเจรจาสันติภาพ"
ยังน่าสนใจที่ว่า การเปิดโต๊ะเจรจาหนนี้ แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการก่อเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็นับ ได้ว่าหลังมีแถลงการณ์ร่วม "สมช.-บีอาร์เอ็น" เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นมา เหตุความไม่สงบในปลายด้ามขวานทองลดลงเป็นอย่างมาก โดยที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พยายามจะใช้ "การเมือง" เข้ามาแก้ปัญหาเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะกระบวนการ "เปิดเวทีสู่สันติภาพ"
นี่จึงเป็นย่างก้าวสำคัญต่อ "สถานการณ์เชิงบวก" ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอีก 5 อำเภอในสงขลา หากว่าช่วงเวลาอันทรงความหมายยิ่งนี้ การก่อความ รุนแรงลดลงอย่างมี "นัยยะสำคัญ"
"แสงแห่งสันติภาพ" ที่เคยริบหรี่ ย่อมทอประกายเป็น "ความคาดหวัง" ของผู้ใฝ่สันติภาพทั้งมวลที่อยากเห็นการแปร "ข้อตกลงร่วม" จากแผ่นกระดาษออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน...
ถ้าทำได้จริง สันติสุขย่อมอยู่ไม่ไกล!!
อีกด้านหนึ่งในห้วงที่สถานการณ์ทาง การเมืองร้อนฉ่าของ "รัฐบาล" ที่เพิ่งผ่านการปรับคณะรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ 5" รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนรองนายกฯ ที่ดูแลความมั่นคง และคุมปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จาก "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" มาเป็น "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" อีกทั้งยังไม่มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการ ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ "ศปก.กปต." ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อาจส่งผลกระทบต่อแนวทางการเจรจากับ "กลุ่มบีอาร์เอ็น" และการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ลายด้ามขวานทอง
น่าติดตามว่า ถ้านับจากวันนี้ไปจนสิ้น "รอมฎอน" ..แนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงของรัฐบาลจะเดินมาถูกทางหรือไม่?!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ