กอบกู้ข้าวไทย

วันพุธที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กอบกู้ข้าวไทย


สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก

"ข้าวตราฉัตร" ได้นัดหมายกับสมาชิกชมรมคอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย เพื่อไปเยี่ยมชมโครงการผลิตข้าวหอมมะลิด้วยกระบวนการเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันเสาร์ที่ 27 เดือนนี้ โดยนัดหมายล่วงหน้ามาก่อนตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว

เวลาผ่านไปไม่ถึง 10 วัน "ข้าวตราฉัตร" ก็โดน "แจ็กพอต" จากข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย ด้วยความผิดพลาดของเฟซบุ๊กส่วนตัวของคุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกร สื่อรายการ "คน ค้น ฅน"

"ข้าวตราฉัตร" เอย "ข้าวเบญจรงค์" เอย โดนพายุโซเชียลมีเดียโหมข้อมูลที่ไม่กลั่นกรองอย่างดีพอ กระแทกยิ่งกว่าหมัดนักมวยรุ่นยักษ์เสยเข้าจน "คางเหลือง" ไปตามๆ กัน

คุณสุทธิพงษ์ หรือคุณเช็ค มีวุฒิภาวะและมีจิตสำนึกสูงต่อความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในชีวิต เขาจึงกล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณชน และขออภัย อย่างแรงจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมารับผิดให้ดีที่สุด นอกจากประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ตนเองผิดและควรรับผิดชอบอย่างไรก็สุดแท้แต่เจ้าทุกข์จะลงทัณฑ์

"ข้าวตราฉัตร" ในฐานะเจ้าของแบรนด์ใหญ่ เมื่อคู่กรณีกล้ารับผิดชอบ มีหรือที่ทุนใหญ่จะใจไม้ไส้ระกำ ตั้งหน้าราวีให้ตายกันไปข้าง

ผมเห็นคนผิด กล้ารับผิด และคู่กรณีให้อภัยกันแบบนี้ มันจึงเป็นภาพลักษณ์ที่สังคมไทยควรจะจรรโลงยึดเหนี่ยวไว้ให้ดีและยั่งยืนยาวนาน

เหตุครั้งนี้สามารถเป็นบทเรียนไปถึงสังคมการเมือง ว่าด้วยกิริยามารยาท และขนบธรรมเนียมประเพณีของการ "ให้อภัยซึ่งกันและกัน" นั้น มีแต่จะหลอมจิตใจมนุษย์ให้เข้าใจกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อร่วมกันเอาชนะเพทภัยต่างๆ ได้อย่างชะงัด... โดยเฉพาะภัยมืดและภัยกลางแจ้งที่มาจากต่างแดนอีกหลายร้อยพันระลอก

ยิ่งเป็น "ข้าวไทย" ไม่ว่ายี่ห้อไหน กำลังยกระดับให้เป็นข้าวที่ชาวโลกมีความต้องการสูงมาก เครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่จึงต้องการให้คนไทยด้วยกันได้รู้จัก และเข้าใจถึงวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐานโลก จนสามารถส่งออกไปขายได้ในราคาแพงมีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นของทุกชาติ

เมื่อมรสุมที่คนไทยด้วยกัน ทำท่าว่าจะทำลายคุณค่าของข้าวพันธุ์ไทยกันเองได้ผ่านไปแล้ว ก็ควรมาทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของ "ข้าวตราฉัตร" ในมิติของการพัฒนาคุณภาพเพื่อส่งไปป้อนชาวโลกกันบ้าง

เครือซีพีลงทุนสร้างแบรนด์ "ตราฉัตร" ให้เป็นข้าวคุณภาพสูง เพื่อเตรียมต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีกำลังผลิต 3,600 ตันต่อวัน หรือกว่า 1 ล้านตันต่อปี และส่งออกไปขายต่างประเทศ 80% ใน 120 ประเทศทั่วโลก... โดยใช้เทคโนโลยีทำข้าวสะอาด คัดแยกสิ่งเจือปนและแยกหิน ทั้งขัดมัน ใช้ตะแกรง คัดข้าวเต็มเมล็ด แยกสี แยกเศษแก้วหรือเม็ดพลาสติกที่เจือปนด้วยกล้องและเซ็น-เซอร์พิเศษ ซึ่งถือว่าใช้กระบวนการผลิตที่สุดยอดแล้ว

เมื่อเห็นตัวเลขลงทุนสูงถึง 3,000 ล้านบาท นี่ก็น่าจะบ่งบอกการทำงานที่หวังประสิทธิภาพสูงสุด

ไม่มีใครบ้าลงทุนเป็นพันๆ ล้านมาเพื่อจะผลิตข้าวที่ใส่สารเมทิลโบรไมด์เกินมาตรฐานความปลอดภัยของโลก เพื่อฆ่าตัวเองกันง่ายๆ เพียงเพราะการป้ายสีข้อมูลที่หาที่มาที่ไปด้วยความคึกคะนอง โดยไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ

ผลพลอยได้ของแหล่งผลิตข้าวคุณภาพสูง คือการสร้างท่าเรือขนส่งทางแม่น้ำ ที่อยุธยาออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการขนส่ง ลดปริมาณการจราจรบนถนนและ คำนวณเป็นตัวเลขประหยัดค่าใช้จ่ายทางถนนได้อีกนับร้อยล้านบาทต่อแสนตู้คอน-เทนเนอร์

อะไรไม่สำคัญเท่า ข้าวไทยส่งไปญี่ปุ่นหลายแสนตันมายาวนานไม่เคยมีประวัติ ถูก Reject จากญี่ปุ่นแม้แต่ล็อตเดียว จึงเป็นเครื่องการันตีถึงความปลอดภัยระดับมาตรฐานโลก

มันเป็นไปได้หรือ ที่ข้าวไทยจะมาบรรลัยเพราะน้ำมือคนไทยกันเอง?

แต่ในความเป็นจริงอาจมีข้าวไทยบางล็อต บางเจ้า มีปัญหากับบางชาติได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของทุกวงการ แต่ก็ควรมีหน่วยงานตรวจสอบป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา จนถึงขั้นไปทำลายข้าวส่วนใหญ่ที่รักษามาตรฐานดีให้ล่มสลายไปด้วย

ถ้าสถานการณ์วันนี้ มันคลุกฝุ่นจนไม่รู้ว่า กิจการของคนไทย และข้าวไทยเราควรจะสนับสนุนหรือสาปส่งให้ล่มจมกันแน่ ก็ควรตั้งสติมองตัวตนว่า เราเป็นใคร ควร รักและหวงแหนผลผลิตที่เป็นฝีมือของคนไทยด้วยกันหรือไม่

เราสร้าง "เครดิต" ข้าวไทยให้มีชื่อเสียงดังก้องไปทั้งโลกมาถึงขนาดนี้แล้วก็ควรจะรังสรรค์และกอบกู้ภาพลักษณ์ให้ข้าวไทยเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนต่อไปให้นานเท่านาน

มัวแต่ล่อกันเอง...พอเงยหน้าดูอีกที มีแต่สินค้าแบรนด์ต่างชาติครอบงำเต็มบ้านเมืองเราหมด มันน่าภูมิใจตรงไหนหรือครับพี่น้อง?


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ