ดูเหมือนแผนทำลายข้าวไทย โดยคนไทยกันเอง จะจบลงตรงกรณีความผิดพลาดของสื่อโทรทัศน์ของคุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือคุณเช็ค แห่งรายการ "คน ค้น ฅน"

แต่เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย เป็นพระแม่โพสพที่ชาวนาเคารพนับถือจนแผ่นดินไทยถือว่าเป็น "อู่ข้าวอู่น้ำ" แห่งหนึ่งของโลก ข้าวจึงมีตำนานทั้งเหตุดีและเหตุร้ายตามแต่ยุคสมัยมายาวนาน แม้กระทั่งเป็นเครื่องบรรณาการให้กับฝรั่งหลายชาติที่แข็งกล้าล่าไทยเป็นเมืองขึ้นมาตั้งแต่อดีต

"ข้าวไทย" วันนี้ ยังหนีไม่พ้น "มาเฟียข้าว" ที่ครอบงำตลาด แอบผูกขาดเงียบๆ อยู่หลายเจ้า วันดีคืนดีที่ข้าวถูกแทรกแซงจากรัฐบาลให้โอนเอียงไปปกป้องผลประโยชน์ให้ชาวนา รับรองได้เลยว่า "ขบวนการหากินกับข้าว" จะแอบเล่นงานรัฐบาลแบบ "เนียนๆ" ไม่รู้เนื้อรู้ตัว

รู้ๆ อีกที รัฐบาลเสียรังวัดจนตั้งตัวไม่ติดก็มีมาแล้ว

บังเอิญเที่ยวนี้มีนายทุนข้าวรายใหม่กำลังจะเข้ามา "กินรวบ" อีก จึงทำให้ "เจ้าพ่อข้าวรายเก่า" ไม่พอใจ เมื่อประกอบกับรัฐมนตรีที่หลุดตำแหน่งไปหมาดๆไม่อาจชี้แจงแถลงข้อมูลขายข้าวให้โปร่งใสพอๆ กับการอมพะนำไม่ใช้บริการประชาสัมพันธ์ให้กระจ่าง พอ สถานการณ์ในช่วงนั้นจึงทำให้นักการเมืองคนหนึ่งต้องกลายเป็น "จำเลยสังคม" อย่างช่วยไม่ได้

โครงการจำนำข้าวจึงกลายเป็นโครงการที่สงสัยว่าน่าจะเข้าข่ายไม่สุจริต ไม่จริงใจและ "ไม่เข้าตาประชาชน" เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

จนมาถึงยก 2 ที่ถูกกล่าวหาจากโซเชียลออนไลน์กระจายข่าวยิ่งกว่า "ไฟลามทุ่ง" ว่าข้าวไทยเน่า มีสารเคมีเจือปนในปริมาณสูง ถูก Reject มาจากสหรัฐฯ นับเป็น "กระแสกระต่ายตื่นตูม" เหมาะกับบรรยากาศสังคมไทยที่ชอบ "เสพข่าวลือ" ยิ่งนัก

ในที่สุด "ข้าวไทย" ก็เสียชื่อ เสียภาพลักษณ์ เสียเครดิตที่อุตส่าห์สร้างสะสมมานาน จนตลาดโลกยอมรับในคุณภาพว่าดีเยี่ยมกว่าข้าวทุกสายพันธุ์ในโลก มีราคาสูงกว่า ข้าวทุกชนิด แต่ทุกตลาดของโลกใบนี้ก็รับซื้อไม่อั้น

เอาเถอะ แม้ไทยจะตกอันดับขายข้าวมากที่สุดในโลก แพ้เวียดนามและอินเดีย แต่ปรากฏว่าข้าวหอมมะลิของไทยกลับขายได้มูลค่าของเงินสูงกว่าข้าวของ 2 ชาตินั้นเสียอีก

เมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีแล้ว นโยบายข้าวที่หวังผลในการระบายขายให้มากที่สุดเพื่อจะทวงตำแหน่งแชมป์ขายข้าวอันดับ 1 ของโลก ก็คงเป็นความหวังอีกครั้งหนึ่งทั้งของชาวนา ผู้ส่งออกและคนไทยทุกคน

แต่ก็ดูเหมือนมีกลิ่นทะแม่งๆ ชอบกลกับสถานการณ์ข้าวที่ผ่านมาตั้งแต่วิกฤติจำนำข้าวมาถึงข่าวลือข้าวเน่าและเจือปนสารเคมี ที่แวดวงการเมืองยังติดใจจะให้ "ข้าวไทย" เป็นกระแสป่วนที่เรื้อรังให้นานออกไปให้เหมาะเจาะกับนาที "ฟางเส้นสุดท้าย" ให้ผู้คนทุกสารทิศเบื่อหน่ายรัฐบาลถึงที่สุด

นั่นคือ ความพยายามที่จะให้สื่อทุกแขนงประโคมข่าว "ข้าวเป็นพิษ" ทำให้ชีวิตคนไทยไม่ปลอดภัย แล้วก็ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยข่าวกึ่งจริงกึ่งเท็จต่อไป ให้ดูคล้ายกับว่า ข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทยยามนี้ไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว...อาจถึงขั้นสร้างนิยาย "เขาเล่าว่า" บางบ้านกิน (อะไรก็ไม่รู้) แล้วปวดท้อง อาหารเป็นพิษต้องหามเข้าโรงพยาบาลระบาดกันโกลาหลไปหมด

โดยเน้นหางเรื่องให้กำกวมว่า อาหารเป็นพิษเพราะข้าว!

ก็เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของทุกครัวเรือน หาก "ข้าวเป็นพิษ" ถูกจุดกระแสให้ ติดและหวาดวิตกยิ่งกว่า "Talk of the town" ได้

ข้าวก็กลายเป็นอาวุธลับกำจัดรัฐบาลอย่างได้ผลทันที เป็นที่พอใจของบางกลุ่ม บางพรรค บางม็อบ และบางอำนาจมืดที่ต้องการจะล้มรัฐบาลด้วยวิธีใดก็ได้

ขอให้รัฐบาลแก้ลำไม่ทัน หรือเจ๊งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีว่างั้นเถอะ

ผมไม่ได้เชียร์รัฐบาลตะพึดตะพือ อะไรไม่ดีเราต่างก็วิพากษ์ด้วยข้อมูลและเหตุผล...ส่วนประชาชนที่สัมผัสประชาธิปไตยมาถึงวันนี้ ก็น่าจะมีประสบการณ์พอควร และอ่านเกมออก อีกทั้งเสพข่าวรอบด้านก็พอรู้ทันแล้วว่า อะไรคือเรื่องจริง เหตุการณ์ไหนที่ปั้นแต่ง หรือบางประเด็นสร้างภาพลวงอย่างไร

ช่วยกันพิจารณา และตั้งสติให้มั่น แล้วท่านจะวิเคราะห์ได้เองว่า ข้าวไทยมีคุณค่ามหาศาลควรแก่การร่วมปกปักรักษาให้เป็นอาหารบริสุทธิ์สำหรับชีวิตชาวไทยทุกคนอย่างยั่งยืนตลอดกาลอย่างไร

ส่วนใครที่หวังจะใช้ทุกอุปกรณ์เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งอาหารหลักอย่างข้าว ก็จะใช้เป็นอาวุธเอาชนะทางการเมือง มันก็น่าสมเพชเกินไปแล้ว