หั่นเบี้ยภัยพิบัติไร้ข้อสรุป กองทุนฯตีกลับ / รื้อเกณฑ์คุ้มครองใหม่ บริษัทแห่เพิ่มทุนประกันหลัง "รี" ปลดล็อก

วันพุธที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หั่นเบี้ยภัยพิบัติไร้ข้อสรุป กองทุนฯตีกลับ / รื้อเกณฑ์คุ้มครองใหม่ บริษัทแห่เพิ่มทุนประกันหลัง


การปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยพิบัติยังไร้ข้อสรุป เมื่อคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติที่ประชุมกันไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมายังไม่มีมติใดๆ ออกมาหลังจากคณะอนุกรรมการด้านประกันภัยชงอัตราเบี้ยประกันภัยของใหม่ให้พิจารณาโดยให้กลับไปทบทวนใหม่
"วิมล ชาตะมีนา" ผู้อำนวยการสำนัก นโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการ คลัง (สศค.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯเสนอหลายเรื่องทั้งอัตราเบี้ยประกันภัยพิบัติที่มีการปรับปรุงใหม่ปรับลดเบี้ยทั้ง 3 กลุ่ม คือบ้านอยู่อาศัยจากเดิมกำหนดเบี้ยประกัน 0.5% หรือ 500 บาทต่อทุนประกัน 100,000 บาท, เอสเอ็มอีกำหนดเบี้ย 1% และภาคอุตสาหกรรม 1.25%
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องวงเงินความรับผิด (Sub Limit) มีทั้งขอปรับวงเงินเพิ่มขึ้นและลดลง, เงื่อนไขความคุ้ม ครองกรมธรรม์บ้านอยู่อาศัยที่จะให้แยกกรมธรรม์อัคคีภัยและภัยพิบัติออกจากกันให้ประชาชน ซื้อเพิ่มได้หรือแยกภัยจากน้ำท่วม ธรรมดาและน้ำท่วมที่เป็นภัยพิบัติ ออกจากกันรวมไปถึงการที่บริษัท ประกันขอขยายสัดส่วนการรับความเสี่ยงภัยไว้เอง (Retention) โดยมีประมาณ 10 บริษัทที่ยื่นเรื่อง เข้ามา บางบริษัทขอปรับเพิ่มสัดส่วน ทั้ง 3 กลุ่มโดยขอรับประกันเองเป็น 80-90% จากเดิมกำหนดให้รับเสี่ยง ภัยเองขั้นต่ำ 0.5-1%
+ กองทุนฯสั่งทบทวนเบี้ยอีกยก
"บอร์ดให้กลับไปทบทวนทุกเรื่องใหม่อีกรอบเพราะยังไม่ชัดเจน อย่างการปรับลดเบี้ยลงมาเกิดคำถามว่ากองทุนฯ จำเป็นต้องแข่งกับเอกชนหรือไม่ การลดเบี้ยจะมีผลต่อตลาดทันทีต้องดูผลกระทบ การแยกน้ำท่วมธรรมดากับน้ำท่วม ภัยพิบัติจะแยกกันอย่างไร ต้องให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการที่บริษัทขอรับความเสี่ยงภัยไว้เองเพิ่มขึ้นก็มีคำถามจะให้เลือกภัยได้หรือไม่ ถ้าเลือกได้เท่ากับกองทุนฯ จะมีแต่ของเสียเข้ามาเจ๊งทันที สาเหตุที่บริษัท ขอรับประกันเองมากขึ้นเพราะสถานการณ์ เข้าสู่ภาวะปกติ ผู้รับประกันต่อ (รีอินชัวเรอส์) เข้ามาแข่งขันกันเยอะอัตราเบี้ยลด ลงทำใหเขาเริ่มมั่นใจกล้ารับเอง"
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ณ เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนกรมธรรม์ ภัยพิบัติที่ยังมีความคุ้มครองอยู่ 1.3 ล้านกรมธรรม์ โดยมีทุนประกันต่อตามสัดส่วน ของกองทุนฯ 5.6 หมื่นล้านบาท เบี้ย 511 ล้านบาท โดยจำนวนกรมธรรม์เพิ่มขึ้น 200,000 ฉบับ เทียบกับเดือนพฤษภาคมมาจากลูกค้าสินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่มีการต่ออายุกรมธรรม์บ้านอยู่อาศัยส่งผลให้กลุ่มบ้านอยู่อาศัยมีสัดส่วนการซื้อกรมธรรม์สูงสุดถึง 94% รองลงมาเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี 5% และกลุ่มอุตสาหกรรม 1%
"จำนวนกรมธรรม์ในกองทุนฯจะลดลงเรื่อยๆ เพราะบริษัทรับกันเองมากขึ้นหลังจากกองทุนฯให้รับเองได้ การที่บริษัทยืนบนขาตัวเองได้หมายถึงความสำเร็จของกองทุน กลไกตลาดทำงานปกติ ส่วนการที่บริษัทประกันขอถอนตัวออกจากกองทุนฯก็มีเพิ่มอีก 2 บริษัท ที่ทำเรื่องเข้ามาเป็นบริษัทไทยกองทุนฯ กำลังพิจารณานโยบายกองทุนฯอยากให้เสรีหมด"
"ลวรณ แสงสนิท" รองผู้อำนวยการ สศค.และคณะอนุกรรมการด้านประกันภัย กองทุนฯ กล่าวเสริมว่า แม้ตลาดประกันภัยพิบัติดีขึ้นตามลำดับเทียบกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหม่ๆ แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ กองทุนฯ ยังมีความจำเป็นอยู่ ช่วยบริษัทประกันภัยบริหารความเสี่ยงได้ โดยส่วนตัวคิดว่ากองทุนฯคงต้องอยู่ไประยะหนึ่ง จนกว่าแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาลจะนิ่ง เกิดความมั่นใจภัยพิบัติโอกาสเกิดอีกยากหรือเบี้ยประกันลดลงต่อเนื่อง บริษัทประกันส่งประกันต่อกันได้ การมีกองทุนอยู่ทำให้บริษัทประกันมีอำนาจต่อรองกับผู้รับประกันต่อ
+ "รี" ไฟเขียวแข่งขาย-กดเบี้ยถูก
แหล่งข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ประกันภัย พิบัติคลี่คลายลงมากในมุมผู้รับประกันต่อ มองความเสี่ยงประเทศไทยไม่น่าเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยอีกหรือถ้าเกิดมีขนาดเล็ก เทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ขณะที่แผน การบริหารน้ำ 3.5 แสนล้านบาทมีความเป็นไปได้มาก ผู้รับประกันต่อต่างชาติมั่นใจ มากขึ้นมองไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ของการ ประกันภัยพิบัติและบุกตลาดมากขึ้น ส่งผล ให้เบี้ยประกันภัยพิบัติทั้งหมดลดลง ขณะที่กองทุนฯต้องปรับปรุงเบี้ยประกันให้สอด คล้องกับสภาพความเป็นจริงมากขึ้น
"การบุกตลาดไทยของรีอินชัวเรอส์ ทำให้บริษัทประกันภัยไทยผ่อนคลายเงื่อน ไขการขายทั้งขยายทุนประกันให้กับลูกค้า สูงขึ้น ขายเบี้ยเหมาะสมกับความเสี่ยงมากขึ้นจากช่วงเกิดน้ำท่วมเบี้ยพุ่งขึ้นไปถึง 7-8% บางพื้นที่สูงถึง 15% และให้ซับ ลิมิต ต่ำมากตอนนี้เบี้ยลดลงมาอยู่ที่ 1-2% บางรายต่ำกว่า 0.4-0.5% โรงงานที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมมีการป้องกันความเสี่ยงเพื่อ ให้เบี้ยถูกลง ทำให้บริษัทแข่งกันมากขึ้น ลดความเข้มงวดของเงื่อนไขลง"
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อการรับประกันภัยพิบัติกลับสู่ภาวะปกติ สามารถหาผู้รับประกันต่อได้ บริษัทประกันไม่อยากส่งงานเข้ากองทุนฯเนื่องจากเบี้ยไม่เหมาะ สมกับตลาด อีกทั้งยังมีเงื่อนไขที่ยุ่งยากทั้งในเรื่องซับ ลิมิต การรับเสี่ยงภัยเองตลอดจนการเคลม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทประกันจะหันมารับเสี่ยงภัยเอง มากขึ้น การแข่งขันรับประกันภัยพิบัติจะมีมากขึ้น เบี้ยประกันจะปรับลดลงอีกก่อนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีแรกปีหน้า


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ