"เพื่อไทย"ต้องกล้าสลัด "ทักษิณ" ปลดปล่อยประชาชน!

วันพุธที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556



วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

ยังไม่แน่ชัด แต่มีแนวโน้มบ่งชี้ว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอจะได้พิจารณาเป็นอันดับแรก ก่อนร่างกฎหมายเรียกแขกฉบับอื่นๆ

"กฎหมายเรียกแขก" คือกฎหมายเรียกพลังฝ่ายไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้าน กดดันไม่ให้สภา "พิจารณา" โดยประเมินกันว่า กฎหมายประเภทนี้ มีอย่างน้อย 4 ฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และทั้งหมดนี้มีคิวพิจารณาในวาระต้นๆ ของการประชุมสภา ซึ่งจะเริ่มขึ้นวันที่ 1 สิงหาคมนี้

ข้อบ่งชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะฝ่าเสียง ข่มขู่จากฝ่ายต่อต้าน แล้วถูกนำมาพิจารณาก่อนคือ ถูกบรรจุในระเบียบวาระการประชุมเป็นอันดับแรก และเกิดจากความไม่พร้อมของกฎหมายเรียกแขกฉบับอื่นๆ ด้วย

ความไม่พร้อมอยู่ที่สาเหตุดังนี้...ร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง เป็นกฎหมายใหม่เช่นเดียวกับ ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม แต่ถูกบรรจุในอันดับค่อนข้างไกลจนแทบหมดโอกาสแทรกขึ้นมาพิจารณาอันดับแรกได้ ประกอบกับระเบียบการประชุมสภากำหนดว่า การ เลื่อนระเบียบวาระการประชุมต้องเป็นกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ "คณะกรรมาธิการ" แล้ว หมายความว่า ต้องเป็นกฎหมายเก่าที่สภาพิจารณา ผ่านวาระหนึ่งไปแล้วเป็นสำคัญนั่นเอง

ส่วนกฎหมายผ่านการพิจารณาวาระหนึ่งและ ถูกจัดเป็นกฎหมายเรียกแขกมี 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้าน ล้านบาท แต่ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการ ประชุม "ร่วมของรัฐสภา" ดังนั้นสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต้องนัดหมายเพื่อกำหนดวันประชุมร่วมกันก่อนจึงจะเป็นที่ชัดเจน

สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น สถานะล่าสุดคณะกรรมาธิการพิจารณาไม่แล้วเสร็จ ยังเลือกประเด็น "ความเห็น" และ "ข้อสรุป" ดังนั้นมีโอกาสน้อยมากกับการนำมาพิจารณาอันดับแรกในที่ประชุมสภาวันที่ 7 สิงหาคมนี้

ยังมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 จำนวน 2.5 ล้านล้านบาท แม้เป็นกฎหมายสำคัญ แต่ไม่ใช่กฎหมายเรียกแขก และรัฐบาลได้ตกลงกับสภากำหนดการประชุมไว้วันที่ 14-16 สิงหาคม ด้วยเหตุนี้จึงหมดโอกาสมาช่วงชิงการพิจารณาของสภาในอันดับแรกไปโดยปริยาย

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงเป็นข้อบ่งชี้ถึงแนวโน้มว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยย่อมมีสภาพ เป็นกฎหมายเรียกแขกด่านแรกของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลต้อง "เผชิญหน้า" อย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้

+ จุดตาย ก.ม.นิรโทษกรรม

อันที่จริงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เสนอต่อสภามีฉบับของนายวรชัยเพียงฉบับเดียว ส่วนฉบับ ประชาชนของกลุ่มญาติผู้สูญเสียในการชุมนุมทาง การเมืองเมื่อปี 2553 ยังไม่ได้เสนอให้สภาบรรจุใน ระเบียบวาระพิจารณา นั่นเท่ากับมีเพียงสถานภาพการก่อรูปทางความคิดให้เกิดความสับสน แล้ว กลายเป็น "เกม" ของพรรคประชาธิปัตย์ไปทันที

ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยมีเนื้อ หา 7 มาตรา ที่สำคัญอยู่ในมาตรา 3 โดยมีจุดเด่น อยู่ที่มุ่งนิรโทษกรรมให้ประชาชนและทหารที่เกี่ยว ข้องปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 พ้นจากการกระทำผิด ส่วนผู้มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการยังมีความผิด และมีโอกาสถูกดำเนินคดีในศาลอาญาได้

นั่นหมายความว่า บรรดาแกนนำตัวเป้งของ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อีกทั้งนายทหารใหญ่ๆที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาอยู่

มีคำถามว่า ข้อความ "...ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการ..." มีความหมายครอบคลุมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่

เพราะ "ทักษิณ" คือตัวปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคนี้นำมาสร้างเกมทำลายความชอบธรรมของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น "ทักษิณ" จึงกลายเป็นจุดอ่อนและจุดตายของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของนายวรชัย อีกทั้งหากเชื่อมโยงไปสู่ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองด้วยแล้ว ย่อมเห็นภาพ "ทักษิณ" ลอยเด่นให้ฝ่ายต่อต้านลากมา "เรียกแขก" เกณฑ์คนมาชุมนุมกดดันอย่างน่าระทึกยิ่ง

+ ฝ่ายต่อต้านและเสียงข่มขู่ "ลุกเป็นไฟ"

ฝ่ายต่อต้านมีเป้าหมายล้ม ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในขณะนี้ ประกอบด้วย มวลชนเจ้าประจำของ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพลังหน้ากากขาว พวกม็อบ เครือข่ายประชาชนที่ปักหลักสนามหลวง และกลุ่มใหม่ที่เรียกตัวเองว่า "คณะเสนาธิการร่วม"

ในจำนวนนี้พรรคประชาธิปัตย์มีพลังเป็นกอบ เป็นกำที่สุด ขณะนี้ทุกสัปดาห์แกนนำระดับสูงของพรรคตระเวนเดินสายเปิดเวที "ผ่าความจริง" ปลุกพลังทั่วกทม.เพื่อเตรียมทำงานใหญ่เมื่อการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาถึง

ทั้ง "อภิสิทธิ์และสุเทพ" แม่งานสำคัญในการ ล้มรัฐบาลและต่อต้านทักษิณ ได้ส่งเสียงข่มขู่ว่า "สิงหาคมบ้านเมืองร้อนแรง" แล้วนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเติมเชื้อให้น่ากลัวถึงขั้น "แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ"

ถึงที่สุดแล้ว คาดกันว่า พลังต่อต้านยังไม่ใหญ่โตพอที่จะมากดดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนทำให้พรรคเพื่อไทยกลัวและถอยไปได้อีก เพราะมวลชนด้านลึกๆ ทั้งกลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มสนามหลวงยังมีการแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าขาดเอกภาพในการนำและขับเคลื่อน

สภาพการไร้เอกภาพเช่นนี้ หากพิจารณาด้าน ร้ายแล้ว ย่อมเป็นโอกาสอันงามให้พวก "ขวาสุดโต่ง" ภายใต้ชื่อ "คณะเสนาธิการร่วม" ที่ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ประธานองค์การพิทักษ์ สยาม พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ พล.อ.ท.วัชระ ฤธาคณี นายพิเชษฎ์ พัฒนาโชติ และนายไทกร พลสุวรรณ ได้แทรกตัวฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์รุนแรงขึ้น

พวก "ขวาสุดโต่ง" นี้ แยกตัวจากกลุ่มม็อบสนามหลวงออกมาปักหลักสร้างเครือข่ายความคิด ที่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม "13 สยามไท" เนื่องจากไม่สามารถ "คุม" การเคลื่อนไหวของเหล่ามิตรสหาย ทหารป่าได้ แนวคิดพวกขวาสุดโต่งอยู่ที่สร้างสถานการณ์ให้ "ทหาร" ยึดอำนาจ นี่คือเป้าหมายหลักตาม ยุทธศาสตร์ "โค่นระบอบทักษิณ" อีกคำรบหนึ่ง

+ สลัดทักษิณ-ปลดปล่อยประชาชน

จุดอ่อนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ที่ "ขาดความกล้าหาญ" ทางการเมือง และไร้ความกระตือรือร้นในการช่วย "มวลชน" ออกจากคุก

ตลอด 2 ปีผ่านมา รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อยู่ด้วยความกลัวและถอยทางการเมืองเพื่อประคอง เสถียรภาพการบริหารประเทศไว้เป็นหลัก

ถึงขณะนี้ แน่ชัดยิ่งว่า "ความกลัว" ทำให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย "เสื่อมศรัทธา" จากมวลชนอย่างน่าใจหายยิ่ง โดยเฉพาะความกลัวในการเป็น "ผู้นำ" ออกกฎหมายเพื่อปลดปล่อยประชาชนที่เป็นความผิดทางการเมืองให้มีชีวิตอิสระจากคุกที่คุมขังอยู่

มวลชนติดคุกทางการเมืองมากว่า 2 ปี และ มองไม่เห็นอนาคตอิสรภาพ ส.ส.ฝ่ายแกนนำ นปช. เรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่รัฐบาลนิ่งเฉย กระทั่งเกิดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมด้วย การผลักดันของนายวรชัย ซึ่งสภาใกล้จะพิจารณาเป็นวาระแรกในเดือนสิงหาคมนี้

แม้สิ่งนี้เป็นอนาคตและชีวิตอิสรภาพของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย แต่ความกลัวของรัฐบาล ยังหลงเหลืออยู่ในพรรคเพื่อไทย เสียงตอกย้ำจาก ส.ส.บางคนที่จะ "นำทักษิณกลับบ้าน" นั่นเท่ากับเป็นเสียง "ลดทอน" ให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนมีคุณค่าน้อยลง แล้วถูกต่อต้านมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น การทำลายคุณค่านิรโทษกรรม ประชาชน ราวกับแย่งกัน "เอาหน้า" กับทักษิณ ด้วยการเสนอกฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหาไม่แตกต่างกันนักเข้าสู่สภาถึง 4 ฉบับ ยิ่งทำให้ข้อกล่าวหา จากฝ่ายต่อต้านว่า "ทำเพื่อช่วยทักษิณคนเดียว" เด่นชัด และถูกขยายผลจนกลายเป็นอุปสรรคกับการ "ช่วยเหลือประชาชน" ออกจากคุก

แล้วยิ่งเจ็บใจร้าวลึก เมื่อ "คลิปถั่งเช่า" เปิด โปงจิตใจคับแคบของ "คู่สนทนา" ได้นำร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมของประชาชนไปต่อรองทางอำนาจเพื่อช่วยเหลือทักษิณกลับเป็นหลัก

ดังนั้น โอกาสช่วยประชาชนออกจากคุก จึงอยู่ ที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลต้องทำให้ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษ กรรมมีเป้าหมายชัดเจนเฉพาะ "ประชาชน" เท่านั้น

คือต้องกล้าประกาศ "สลัดทักษิณ" ออกจากการนิรโทษกรรม เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ "กฎหมายเพื่อประชาชน" เกิดขึ้นอย่างเปี่ยมด้วยคุณค่า

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยต้องกล้ามีมติให้ ส.ส.ของพรรค "ถอน" ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกจากสภาให้หมด เพื่อทำลายอุปสรรคขัดขวางประชาชน รวมทั้งแรงต่อต้านให้ลดน้อยลง และเป็น การตอกย้ำอย่างเป็นรูปธรรมว่า นิรโทษกรรมไม่เกี่ยวทักษิณหรือคลิปถั่งเช่า

ด้วยความกล้าเช่นนี้เท่านั้น จึงจะทำให้ประชาชนมีความหวังและเกิดศรัทธาทางการเมือง...

เหนืออื่นใด "จาตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำ นปช.ย้ำหนักแน่นว่า พรรคเพื่อไทยต้องกล้าและ เลิกถอย จึงจะชนะ แล้วจะได้พลังมวลชนมานำ พาให้กฎหมายเรียกแขกฉบับอื่นๆ ฝ่าด่านฝ่ายต่อต้านได้สำเร็จ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ