ถอน ก.ม.ปรองดอง ถอดสลักนิรโทษกรรม

วันพุธที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ถอน ก.ม.ปรองดอง ถอดสลักนิรโทษกรรม


ไม่มีความกังวลหรือความกลัวใดๆ มาฉุดรั้งได้อีกแล้ว เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ เข้าสู่การพิจารณาของ สภาเป็นวาระแรกในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยอาจอืดอาดใช้เวลาลองผิดลองถูกเกือบ 2 ปีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หากคิดในด้านดีคงต้องการความรอบคอบ ในช่วงรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงาน จึงไม่อยาก สุ่มเสี่ยงกับแรงต่อต้านทั้งหลายทั้งปวง

เหตุผลด้านดีๆ ของรัฐบาลและพรรค เพื่อไทยอาจฟังดูเข้าท่า แต่สำหรับ "คนติดคุก" มันคือความเจ็บปวด จิตใจเริ่ม "แปลกแยก" จากความเป็นมนุษย์และสังคมประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นธรรมดาคนติดคุก ย่อมคิดได้ร้อยแปดพันเก้า กระทั่งเลยเถิดมาสู่ข้อสรุปว่า "ถูกจับเป็นตัวประกัน" เพื่อแลกกับเสถียรภาพรัฐบาลในการบริหารประเทศ

ตลอดเกือบ 2 ปี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยขาดการใส่ใจกับมวลชนติดคุกด้วยข้อหาการเมือง มีบางครั้งเมื่อมวลชนกระทุ้ง เตือน สำนึกหวงแหนอิสรภาพของคนคุกผุดขึ้นเป็นระยะๆ แต่เป็นช่วงสั้นๆ...จากนั้น ถูกลืมหายไป ราวกับมวลชนถูกปล่อยออกจากคุกหมดแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่...

หากหวนทบทวนพฤติกรรมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแล้ว คงตั้งต้นจาก "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" บริหารประเทศได้เกือบ 1 ปี บรรยากาศการปรองดองเพื่อละลาย "ความขัดแย้ง" เริ่มมองเห็นทางออก นับตั้งแต่ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" ได้จุดประกายขึ้น

พล.อ.สนธิ อดีตผู้นำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 บัดนี้เขาเดินบทเส้นทาง นักการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และ ลงเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. เขาเป็นผู้ผลักดันให้ เกิดสังคมปรองดองขึ้น ด้วยการเสนอกฎหมาย การปรองดองแห่งชาติเข้าสู่สภา โดยมี ส.ส. เพื่อไทยและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ลงชื่อสนับสนุนอยู่ด้วยหลายคน

กฎหมายปรองดองฉบับ พล.อ.สนธิล้มเหลวลง เพราะถูกต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายปรองดอง แห่งชาติเข้าสู่สภาถึง 4 ฉบับตามห้วงเวลาแตกต่างกันในช่วงปี 2555

ความขยันของ ส.ส.เพื่อไทยที่เสนอกฎหมายทั้ง 4 ฉบับเข้าสภานั้น เรียกชื่อเหมือนกันหมดว่า "กฎหมายการปรองดองแห่งชาติ" โดยมีผู้นำเสนอประกอบด้วย นายนิยม วรปัญญา, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายสามารถ แก้วมีชัย และล่าสุด เป็นฉบับ ของนายพีระพันธุ์ พาลุสุข ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สนับสนุน

ขณะนี้สถานะกฎหมายทั้ง 4 ฉบับค้าง อยู่ในวาระการประชุมสภา โดยไม่มีกำหนด นำเข้าสู่การพิจารณา แต่ ส.ส.เพื่อไทยผู้นำ เสนอกลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน พวกเขาทั้งหมดนิ่งเฉย ไม่เรียกร้องให้สภาพิจารณา... ตีความเป็นอื่นได้ยาก เพราะพฤติกรรมนิ่งเฉย ย่อมสะท้อนถึง "ความไม่จริงใจ" ให้มวลชนออกจากคุก

กฎหมายปรองดองทั้งหลายทั้งปวงนี้ แต่ละฉบับมีเนื้อหาเพียง 6-7 มาตรา ประเด็น สำคัญอยู่ที่การ "นิรโทษกรรม" ให้กับ "บุคคลกระทำผิด" เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงปี 2549-2554 ทั้งสิ้น โดยไม่แยกแยะฝ่าย ไม่ว่าแดง เหลือง และ ทหาร ล้วนได้รับประโยชน์จากกฎหมาย ปรองดองเท่าเทียมกัน ด้วยเหตุนี้ กฎหมาย ปรองดองจึงถูกเรียกว่า "การนิรโทษกรรมเหมาเข่ง"

แน่นอน...พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามให้ฉายาว่า เป็นผู้ให้กำเนิด "ระบอบทักษิณ" ในสังคมการเมืองของไทย ย่อมได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมเหมาเข่งด้วยแทบไม่ต้องสงสัย

นั่นจึงเป็นที่มาว่า กฎหมายปรองดอง มีเป้าหมายเพื่อช่วย "ทักษิณ" คนเดียว แล้วเกิดแรงต่อต้านจากพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม พันธมิตรประชาธิปไตยเพื่อประชาชน รวมทั้งกลุ่มแนวร่วมหลากหลายที่แตกตัวเป็นก๊กเป็นเหล่าขึ้นใหม่

แรงต่อต้านพุ่งเป้ารวมศูนย์ไปสู่การโจมตี "ทักษิณ" จึงทำให้กฎหมายปรองดองทุกฉบับอยู่ในสถานะ "ถูกดอง"

พรรคเพื่อไทยหาวิธีการใหม่ ด้วยการ เสนอ "กฎหมายนิรโทษกรรม" โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือ "มวลชน" ออกจากคุกและให้พ้นผิดทั้งปวง ส่วนแกนนำและผู้เกี่ยวข้องสั่งการในเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2549-2554 ไม่ได้รับการยกเว้น

กล่าวกันง่ายๆ คือ แม้ไม่ช่วย "ทักษิณ" แต่กฎหมายนิรโทษกรรมก็ยังถูกต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย และอารมณ์ ต่อต้านทั้งหมดล้วนไหลมารวมกันที่ "ตัวทักษิณ" อีกตามเคย

ประหนึ่งว่า กฎหมายปรองดองกลาย เป็นเชื้อความหวาดระแวงที่ถูกถ่ายเทสู่กฎหมายนิรโทษกรรม จึงทำให้ฝ่ายตรงข้าม ระดมพลังโจมตี "ทักษิณ" อย่างไม่ลดละนั่นเอง

แต่ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยสู้...

ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ กฎหมายนิรโทษ-กรรมฉบับนายวรชัยเข้าสู่การพิจารณาของ สภาเป็นวาระแรก แต่แรงต่อต้านยังผุดขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน พรรคประชาธิปัตย์ประกาศต่อต้านทั้งในและนอกสภา กลุ่มหน้ากากขาวและกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณสั่งการระดมพลเข้ากรุงเทพฯ แสดงพลังกดดัน "ล้มกฎหมายนิรโทษกรรม"

ทั้งๆ ที่กฎหมายนิรโทษกรรมมีเนื้อหา ไม่ได้ช่วยทักษิณ ไม่ช่วยแกนนำ นปช.และผู้สั่งการทั้งหมด แต่ฝ่ายต่อต้านยังชูประเด็น "โค่นระบอบทักษิณ" มาเป็นอาวุธ เรียกแขกอีก

เนิ่นนานวันเข้า พลังต่อต้านเต็มไปด้วยความคึกคัก และเข้มข้น สังคมระทึก ตลาดหุ้นตกใจ การซื้อขายร่วงระนาวกว่า 44 จุด เพราะกลัวเกิดความขัดแย้ง บาดหมาง บานปลาย หวาดหวั่นจะเกิดการเผชิญหน้า ด้วยกำลังระหว่างฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรม...บางอารมณ์ของสังคมเลยเถิดไปไกลถึงขั้น กลัวสังคมไทยกลายเป็นประเทศอียิปต์ที่มวลชนปะทะกันถึงตาย

เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรมให้ได้การหา "ทางออก" ที่เหมาะสมจึงจำเป็นอย่างยิ่ง หนทางหนึ่งคือ "ลดทอน" พลังต่อต้านให้น้อยลงและผ่อนคลายการโจมตีว่า "เป็นกฎหมายเพื่อช่วยทักษิณ" ให้นุ่มนวลลง

วิธีเดียวเท่านั้น...พรรคเพื่อไทยต้องกล้าให้ ส.ส.ของพรรค "ถอน" กฎหมายปรองดองทั้ง 4 ฉบับ ออกจากสภาให้หมด เพื่อ "แสดงความจริงใจ" ว่า กฎหมายนิรโทษกรรมมุ่งช่วยเหลือมวลชนให้มี "อิสรภาพ" เป็นการเฉพาะ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการช่วยทักษิณเลย

แน่ล่ะ หนทางนี้คงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เมื่ออารมณ์ฝ่ายต่อต้านอยู่เหนือข้อเท็จจริง แต่สังคมที่ไม่มีฝ่ายย่อมเข้าใจความ จริงใจและความจำเป็นในการออกกฎหมาย นิรโทษกรรมมากขึ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ว่า พรรคเพื่อไทยจะเริ่มแสดงความจริงใจออกมาหรือไม่ และกล้าจะประกาศถอนกฎหมายปรองดอง ทั้งหมดพ้นสภาหรือไม่...

เพราะนั่นคือการทำลายขวากหนามเพื่อเปิดทางให้อิสรภาพได้ก้าวเดินได้สะดวก ขึ้น และนี่คือการแสดงความจริงใจที่พรรคเพื่อไทยมอบให้กับมวลชนที่ติดคุกได้รับอิสระอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรให้มากความ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ