ไปที่ไหนๆ ก็มักจะได้ยินเรื่องบ่นเรื่องเดียวกัน เดี๋ยวนี้ทำไมข้อสอบเพื่อ ขอรับใบอนุญาตตัวแทนนั้นยากจัง จากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการอบรมผู้จะเข้าสอบรับใบอนุญาต ผมก็ยอมรับว่ายากกว่าเดิมจริงๆ ไม่ได้ดูจากสถิติสอบได้สอบตกอย่างเดียว เข้าไปรับทราบถึงเนื้อหาข้อสอบ เห็นว่า มีข้อสอบคำถามเรื่องใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาเพิ่มอีกมาก จำนวนผู้สอบได้เลยหล่นหายไป มากกว่าครึ่ง
ถ้าจะถามว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ที่ข้อสอบยาก ทำให้ตกกันมากๆ จำนวนตัวแทนใหม่ก็จะลดลงกว่าปีก่อนๆ ผมคงไม่มีคำตอบในประเด็นนี้ แต่อยากจะแนะนำผู้เข้าสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตให้ดำเนินการเตรียมสอบให้ดีกว่าเดิม อย่าสุกเอาเผากิน คือประเภทมาอบรมวันเดียวครึ่งวัน หรืออ่านหนังสือ เองอย่างเดียวล่วงหน้า รับรองผลสอบได้ค่อนข้างจะแน่ใจว่า ตกแหงๆ ถ้าจะให้ดีแล้วควรทำอย่างไร
ประการแรก ฝึกการใช้โน้ตบุ๊กให้คล่องแคล่ว เป็นต้นมินิโน้ตบุ๊ก (แท็บ เล็ต) ที่เขาเอามาให้เราสอบ ถ้าไม่คล่องมือ จะลำบากมากกว่าโน้ตบุ๊กปกติ เพราะ การเลื่อนหน้าจอขึ้นลงใช้การสัมผัสเหมือนกับการสัมผัสโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆในปัจจุบัน ถ้าผู้สมัครสอบรู้ว่าการสอบที่เราจะเข้าสอบจะใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ต้อง เตรียมฝึกทำล่วงหน้าให้คล่อง ได้รับทราบว่า ในอนาคตการสอบโดยเปเปอร์คือใช้ปากกากากบาทในกระดาษคำตอบจะถูกยกเลิก ไม่เร็วก็ไม่ช้า คนจะสอบ จำต้องมีความรู้พื้นฐานทางการใช้งานกับอุปกรณ์ชนิดนี้ ดังนั้นคงจะเป็นอุปสรรคกับผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนในระดับปกติ หรืออายุมากแล้ว เพราะเราไม่เคยเรียน การใช้อุปกรณ์ทันสมัยดังกล่าว จึงต้องฝึก ถ้าฝึกใช้แล้วไม่ยาก บางคนแค่มอง จอก็ตาลายแล้วเพราะไม่ชิน ไม่ใช่สายตาเราไม่ดี แต่เราไม่เคยฝึก ก็เลยมองไม่ถนัด มันแตกต่างกับการอ่านข้อสอบในกระดาษ และข้อสอบพิมพ์ ตัวเล็กๆ เราต้องใช้นิ้วเลื่อนบรรทัดหนังสือเพื่อจะอ่าน คนไม่เคยตาจะลาย เวียนหัวครับ
ประการที่สอง อ่านตำราเองนั้นผมค่อนข้างจะให้ค่าว่าได้ผลน้อย ส่วนมากอ่านหนังสือเองแล้วไปสอบจะตก อย่าลืมว่า ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการประกันชีวิตก็ดี หรือจะเป็นประมวลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย หรือพระราชบัญญัติประกันชีวิต เวลานักศึกษาเขาเรียนเพื่อสอบ เขาใช้เวลาเรียน เป็นเทอมๆ เนื้อหาสาระมีมากมาย และบางอย่างจำเป็นต้องได้รับการอธิบายเสริม และยกตัวอย่างประกอบ อย่างนี้ถึงบอกว่า ถ้าอ่านเองไม่รู้เรื่องหรอก และจะมีผลทำให้สอบตกมากกว่าได้
ประการที่สาม จำเป็นต้องมีการอบรมติวสอบล่วงหน้า และอย่างละเอียด จะประเภทครึ่งวันพอ หรือวันพอนั้นใช้ไม่ได้แล้ว อย่างต่ำควรสองวันเต็มๆ หรือ สามวันก็ได้ อบรมแล้วมีทดสอบ ทดลองทำข้อสอบตัวอย่างกันก่อน สอนวิธีการทำข้อสอบ บางคนอ่านตั้งแต่ข้อที่หนึ่งไปถึงข้อที่ห้าสิบ แต่ไม่ได้ตัดสินใจกาข้อใดเลย เป็นการเสียเวลา ข้อสอบมีห้าสิบข้อ มีเวลาทำข้อสอบสองชั่วโมง เฉลี่ยข้อหนึ่งใช้เวลาสองนาทีครึ่ง อ่านแล้วตัดสินใจเลยจะกาข้อไหน อย่าเลยไป เพราะจะหมดเวลาก่อนเรากลับมาทวน กาผิดแล้ว ถ้ามีเวลามาตรวจทานเรายังแก้ได้ แต่ถ้าไม่ได้กาหมดเวลาไปแล้ว คราวนี้จะกาข้อไหนก็ไม่ได้ เพราะหมดเวลาสอบแล้ว
ประการที่สี่ อย่าหวัง หัวหน้าก็อย่าให้ความหวังว่า เดี๋ยวจะดูกันหรือถามกัน ในห้องสอบได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนที่สอบตกครั้งหนึ่งต้องเตือนตนเองว่าต้องเรียนต้องอ่านหนังสือมากกว่าเดิม ไม่ใช่จะมาคอยหาโอกาสในห้องสอบ ดูกันก็ตก เพราะได้มีการจัดข้อสอบเป็นหลายชุด นั่งติดกันจะได้ชุดที่ไม่เหมือน กัน บางคนลงทุนเปลี่ยนคน เอาตัวปลอมมาสอบแทน เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่เขาตรวจบัตรประชาชนครับ ผมเคยพูดสอนว่า อย่าคิดทุจริตในเวลาสอบเลย ตกคือตก ไม่รู้คือไม่รู้ หากเริ่มจะเป็นตัวแทน เริ่มทุจริตแล้ว เมื่อเป็นตัวแทนจะเป็นคนซื่อตรงได้หรือ หัวหน้าหรือคนที่เป็นคนชวนเขามาเป็นตัวแทน คงต้องออกแรงหน่อย รวมตัวกันจัดอบรมล่วงหน้าก่อนการ สอบจริงๆ มิเช่นนั้น โอกาสสอบได้มีน้อย แล้วเผลอๆ จะทำให้เขาหมดกำลังใจ เลยไม่คิดจะเป็นตัวแทน
คนที่สอบได้แล้วเมื่อสองสามปีก่อน มาสอบใหม่อีก ผมว่าก็คงตกมา กว่าครึ่ง แล้วคนใหม่จะไหวหรือ