Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ม็อบเสธ.อ้าย "คืนชีพ" เหยื่อล่อทหาร "ยึดอำนาจ"
ม็อบเสธ.อ้าย "คืนชีพ" เหยื่อล่อทหาร "ยึดอำนาจ"
วันพุธที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
วิเคราะห์การเมือง : นพคุณ ศิลาเณร
เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้ "ม็อบ เสธ.อ้าย" จะถูกปลุกให้คืนชีพ เร่ง ระดมพลออกอาละวาด เขย่าขวัญสังคม ให้แตกตื่น หวาดผวา เพื่อประกาศศักดา ว่า พวกข้าเป็นคนดี มีจินตนาการล้นเหลือกับความรักชาติ
การกลับมาครั้งนี้ ไม่มีความต้องการ ใหม่ เป็นเพียง "ความอยาก" เดิมๆ คือ ขจัด "ทักษิณ ชินวัตร" ไล่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และไม่เอา "พรรคเพื่อไทย" แต่อยากให้ทหารยึดอำนาจ
อันที่จริงแล้ว แกนนำม็อบเสธ.อ้าย คืนชีพ ไร้คำนิยามความน่าเชื่อถือ เพราะวิถีชีวิตของพวกเขาปะปนอยู่กับสังคมชน ชั้นนำที่เรียกว่า "อำมาตย์" ดังนั้น จึงอยู่ไกลสุดกู่กับความหมายขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน
แกนนำม็อบกลุ่มนี้เป็น "นายพลนอกราชการ" ไม่เคยลงเลือกตั้ง ไม่เคยคลุกคลีกับประชาชนรากหญ้า อำนาจวาสนาและตำแหน่งการงานล้วนได้มาด้วย "ระบบอุปถัมภ์" จากหัวหน้าอำมาตย์เฒ่า
ชื่อใหม่ในการคืนชีพแบบภาวะฉุก เฉินนี้ เรียกกันอย่างน่าเกรงขามว่า "คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชน" มีภารกิจหลักเฉพาะการโค่นระบอบทักษิณให้สิ้นซาก
มีคำถามตรงๆ ง่ายๆ แต่ต้องขบคิด ว่า ทำไมต้องโค่นทักษิณ เพราะเป็นคนไม่ดีหรือ? หากคนชั่วไม่ได้ชื่อทักษิณแล้ว จะ ก่อม็อบโค่นหรือไม่???
เปล่าเลย...เพียงแค่ "ทักษิณ" เป็นคนที่ประชาชนฝากความหวังไว้ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยในจำนวน ส.ส. 265 คน มากเป็นอันดับหนึ่ง และในอนาคตมีแต่รุ่งโรจน์ นั่นหมายถึงสิ่งตรงข้ามคือ ระบบอุปถัมภ์ของหัวหน้าอำมาตย์เฒ่ามีแต่ร่วงโรย ดับสูญไป
แน่ละ "ทักษิณ" เป็นพลังประชาธิปไตยแนวปฏิรูปใหม่ จึงเป็นขวากหนามอำนาจของ "อำมาตย์" ด้วยเหตุนี้จึงร่ายมนต์สั่งปลุกม็อบเสธ.อ้ายลุกขึ้นมาทำหน้าที่ "ตอบแทน" เพราะไม่อาจใช้คนอื่นได้อีกแล้ว
การจะหวนกลับไปใช้บริการของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แต่บาดแผลจากรอยกระสุนบนหัวสนธิกลายเป็นอุปสรรคไม่ให้เชื่อมต่อกันได้สนิทดังเดิม และงานม็อบ วันที่ 4 สิงหาคมนี้ สนธิไม่ร่วมขบวนด้วยโดยประกาศว่า "ช่างหัวมัน"
เมื่อใช้ใครหน้าไหนมาทำงานไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องปลุกเด็กรับใช้ ผู้ไม่ประสีประสางานมวลชนออกมาข่มขู่ให้รัฐบาลตกใจ แตกตื่น ย่อมเป็นความสุขของอำมาตย์ ราวกับทิ้งทวนอำนาจที่เริ่มร่อยหรอลงๆ
+ คืนชีพในยามฉุกเฉิน!
คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชน มีแหล่งกำเนิดจากองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมของบรรดานายทหารนอกราชการ และเสธ.อ้าย หรือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เคยเป็นประธาน บัดนี้เขาได้ส่งไม้ต่อให้ พล.ร.อ. ชัย สุวรรณภาพ ประธาน อพส. และ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี เป็นโฆษก โดยมี พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ เข้า ร่วมขบวนการด้วย
ชื่อ "คณะเสนาธิการร่วม" เป็นการบ่งถึงลักษณะการจัดตั้งที่เป็น "คณะอำนาจนำ" มีทหารครบทุกเหล่าทัพ ทั้งทัพบก เรือ และอากาศ แล้วไปผสมส่วนกับเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (เปลี่ยนชื่อจากพรรคการเมืองใหม่) ของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ
ด้วยองค์ประกอบการคืนชีพเยี่ยงนี้ จึงน่าสนใจยิ่ง เพราะเมื่อลากโยงความสัมพันธ์ในระดับ "บุคคล" ของแกนนำกลุ่มนี้ ย่อมเชื่อมโยงไปสู่ "ผลึก" แนวคิดทาง การเมืองและดุลอำนาจได้กระจ่างแจ้งอยู่ไม่น้อย
พล.ร.อ.ชัย เป็นนายทหารรุ่นเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ เสธ.อ้าย ผู้เคย "นำเดี่ยว" ก่อม็อบสนามม้านางเลิ้งไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อปลายปี 2555 และพ่ายแพ้เพียงช่วงเวลา ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดินด้วยซ้ำ
เสธ.อ้ายวางมือจากกิจการม็อบ ประกาศ "ลาตายหลอกๆ แบบเจ็บปวดลึกๆ" นั่นหมายความว่า ไม่นำม็อบ เกณฑ์ชาวบ้านมาชุมนุมไล่รัฐบาลอีกแล้ว
ส่วน พล.อ.ท.วัชระ ร่วมเคลื่อนไหว ทางการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างสม่ำเสมอ เขาจับมือกับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เรียกร้องดินแดนเขาพระวิหาร โจมตีรัฐบาลในระบอบทักษิณว่า ขายชาติ ขาย แผ่นดิน เพื่อแลกผลประโยชน์ด้านพลังงานจากเขมร
พล.อ.ชูเกียรติ เป็นนายทหารคนสนิทของ พล.ต.มนูญกฤต รูปจขร อดีตผู้นำทหารยังเติร์ก จปร.7 เขาเป็นกลุ่มพันธมิตรตัวยง และไม่ชอบหน้าระบอบทักษิณเข้ากระดูกดำ เขาชิงชังการเมืองแบบประชาธิปไตยกลุ่มทุน ที่มีบทสรุปการทุจริตคอร์รัปชั่น
ดังนั้น ประชาธิปไตยของนายทหาร นอกราชการจึงมีแนวคิดกระเดียดไปในทางประชาธิปไตยของ "คนดี" ที่ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบจากประชาชนด้วยกระบวนการหย่อนบัตรลงคะแนนเสียง
ด้วยแนวคิด "คนดี" เมื่อนำมาประสานกับการเมืองแบบผู้นำแล้ว จึงทำ ให้เห็นกลุ่มทางการเมืองแบบอนุรักษนิยม เข้มข้นที่มีความคิด "ขวาสุดโต่ง" คือ ความคิดเอาแต่ได้ ไม่เดินสายกลาง มีลักษณะตึงตัวเฉพาะกลุ่มก้อนตัวเอง
แน่นอน... ระบบคิดแบบขวาสุดโต่ง ของกลุ่มนายทหารนอกราชการกลุ่มนี้ จึง เข้ากันได้ยากสนิทกับสังคมวัฒนธรรมหลากหลายของไทย ที่ปัจจุบันประชาชนรากฐานเริ่มตื่นตัว และหวงแหนสิทธิทาง การเมืองครั้งใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้น ยังเข้าไม่ได้กับหมู่มิตรการเคลื่อนไหวอย่างนายสมศักดิ์ ซึ่งโชกโชนกับบทบาทการนำเคลื่อนไหวมวลชนด้านแรงงาน
ยิ่งไม่แนบแน่นกับนายไทกร พลสุวรรณ ผู้คุ้นเคยกับ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เมื่อครั้งเดินเกมทำลายพรรคไทยรักไทยจนถูกยุบพรรค เขามีชีวิตการ เมืองอยู่ตรงข้าม "ทักษิณ" มาตลอด แม้ไม่เคยชนะเลือกตั้ง แต่มีชื่อเป็นผู้นำขบวน การอีสานกู้ชาติ คอยโจมตีกล่าวหารัฐบาลและพรรคการเมืองที่ "ทักษิณ" สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ไม่ต้องกล่าวถึง นายพิเชษฐ พัฒนาโชติ กับนายประพันธ์ คูณมี ผู้เคยมีความ คิดเชิงก้าวหน้า เข้าป่าต่อสู้กับแนวคิดของ นายทหารนอกราชการเหล่านี้มาแล้ว เมื่อมาร่วมขบวนการเสนาธิการร่วมย่อมเกิดอาการ "สะดุดปมเก่า" มาขัดขวางการเชื่อมกันให้เป็นเนื้อเดียวเชิงอุดมการณ์กันได้
แล้วอะไรเป็นชุดอุดมการณ์ทางสังคม ของคณะเสนาธิการร่วม บอกตรงๆ ว่า เป็นคำถามที่ยากต่อการรื้อค้นหาคำตอบอย่างยิ่ง เพราะไม่มี...พวกเขามีเพียงเป้าหมายเฉพาะกิจตาม "ใบสั่งอำมาตย์" ให้ขจัดทำลายขุมกำลังทักษิณเพียงอย่างเดียวและเท่านั้น
เมื่อกลุ่มบุคคลมีที่มาหลากหลาย จากชุดแนวคิดแตกต่างกัน ไม่มีอุดมการณ์ชี้นำ ย่อมไม่มีความเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง การผสมส่วนกันจึงยึดเหนี่ยวแบบ "แนวร่วม" มีเป้าหมายเฉพาะหน้าเดียว กันคือ โค่นทักษิณ ดังนั้น จึงไร้วิธีการบรรลุเป้าหมาย ด้วยสภาวการณ์เช่นนี้ ย่อมเกิดความโกลาหลในการนำและเป็นอันตรายกับมวลชนที่มาชุมนุมอย่างน่าหวาดหวั่น
+ เหยื่อล่อทหารยึดอำนาจ
หากการนำของม็อบเสธ.อ้ายอยู่ในภาวะโกลาหล จึงสุ่มเสี่ยงไปสู่ความรุนแรง จากการปะทะกับตำรวจ
ยุทธวิธีปะทะเพื่อขยายความรุนแรง ให้บานปลายนั้น เป็นแผนการเดียวกับการเผด็จศึกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในขั้นสุดท้าย
ก่อนม็อบเสธ.อ้ายจะอุบัติขึ้นนั้น พวกเขาเข้าไปชี้นำให้ม็อบสนามหลวงภาย ใต้การนำของนายไชยวัฒน์ มาแล้ว จนเกิดการบาดหมางร้าวลึกทางแนวคิดกับกลุ่มพลังธรรมาธิปไตยหรือกองทัพทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชุมนุมสนามหลวงที่เรียกว่า เครือข่ายประชาชน
เพราะม็อบเสธ.อ้าย พวกขวาสุดโต่ง ต้องการให้กลุ่มพลังธรรมาธิปไตยสร้างเหตุการณ์รุนแรงขึ้นถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกเมื่อบุกมาทำเนียบรัฐบาล และครั้งสองปิดล้อมกระทรวงกลาโหมไม่ให้ "ยิ่งลักษณ์" เข้าไปทำงาน
เป้าหมายความรุนแรงอยู่ที่ใช้กำลัง ปะทะกับตำรวจ เพื่อขยายผลไปสู่การก่อวินาศกรรมให้สังคมเกิดความโกลาหล แล้ว บทสรุปสุดท้ายจบลงที่ "ทหาร" ออกมายึดอำนาจ แต่กลุ่มทหารปลดแอกฯ ไม่ทำ จึงเกิดการระเบิดอารมณ์โกรธใส่กัน เสียง ดังลั่นทุ่งสนามหลวง
ประเมินกันแบบไม่ไว้หน้า พลังสนับสนุนของม็อบ แทบไม่มีเป็นกอบเป็นกำ กำลังส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้อยู่ที่การคอย "เก็บเกี่ยว" คนจากแนวร่วมอื่นๆ เช่น หน้ากากขาว กลุ่มสนามหลวง พวกเสื้อหลากสีและมวลชนจากพรรคประชาธิปัตย์ให้นำกำลังมาสมทบ
เปรียบเทียบแกนนำม็อบเสธ.อ้ายง่ายๆ คือ ราวกับทำหน้าที่เป็น "เจ้าภาพ" จัดงานชุมนุมขึ้น แล้วหาปัจจัยมาล่อประชาชนให้มาชุมนุม ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านี้ นอกจากล่อคนมาเป็นเหยื่อให้ทหารมีข้ออ้างยึดอำนาจเท่านั้น
ดังนั้น กำลังจึงเน้นต่างจังหวัด มีการฝึกนักรบนิรนามที่จังหวัดเลย ภายใต้การนำของ "พล.อ.กิตติศักดิ์ รัตนประเสริฐ หรือ เสธ.อู๊ด" และ "ผู้กองปูเค็ม หรือ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล" เพื่อภารกิจจับตาการเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล 3 ด้านคือ 1.คอยกำหนดเป้าหมายทีมโฆษกรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือแกนนำพรรคเพื่อไทย หรือส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือแกนนำนปช.
2.สังเกต ติดตาม ความเคลื่อนไหว จดจำข้อมูลต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ยานพาหนะ สถานที่ พร้อมจำนวนผู้อารักขา และ 3. รายงานข้อมูลลับเหล่านั้นทาง Message ต่อผู้กองปูเค็ม
ภารกิจเช่นนี้ไม่ใช่ ขบวนการชุมนุม อย่างสันติโดยปราศจากอาวุธเสียแล้ว เมื่อ เชื่อมกับข้อมูลว่า เตรียมพัดลมขนาดใหญ่ 40 ตัวติดตั้งบนรถกระบะเพื่อสู้กับแก๊สน้ำตายามเกิดการปะทะกันขึ้น นั่นสะท้อนว่า คิดสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรงอย่างจงใจ
แน่ละ ความรุนแรงคือเงื่อนไขหลัก เพื่อนำไปสู้ชัยชนะ อีกทั้งยัง "สร้างสถานการณ์ให้ทหารออกมายึดอำนาจ"
ม็อบเสธ.อ้าย เชื่อว่า ทหารจะออก มาได้ ด้วยยุทธวิธีการเคลื่อนไหวมวลชนให้นำไปสู่การปะทะกับตำรวจ แล้วลามไปสู่การ "ก่อวินาศกรรม" แบบ เผาโน่น ทุบนี่ ให้เกิดความปั่นป่วนในสังคม แล้วลงท้ายด้วยกำจัดนักการเมืองพรรคเพื่อไทย
นี่คือ แผนการที่ถูกวางไว้นับตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นไป...โปรดระวัง จะถูกล่อมาเป็นเหยื่อของขบวนการขวา สุดโต่งคืนชีพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ