สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เปิดผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ชี้ว่า ความต้องการใช้จ่ายยังทรงตัว ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันที่คนไทยยังต้องประสบ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับค่าครองชีพที่พุ่งสูง และรายจ่ายที่มีแนวโน้มมากขึ้น แต่กลับกันรายได้ยังคงเท่าเดิม แนะแบรนด์ให้ปรับตัวเพื่ออยู่เคียงข้างประชาชนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พร้อมพร สุภัทรวณิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านวิจัยการตลาดและกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด ฮาเซียน (ประเทศไทย) และ ชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้ออกมาพูดถึงที่มาที่ไป และผลสำรวจประจำเดือนตุลาคม ในครั้งนี้ว่า ‘สถาบันของเรายึดมั่นในคำปรัชญาญี่ปุ่นในการทำงานที่เรียกว่า sei-kutsu-sha หรือที่แปลว่า การเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งและรอบด้าน เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า ผลสำรวจที่เรานำออกมาเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนรับรู้นั้น เป็นผลสำรวจที่มาจากการศึกษาอย่างลึกซึ้งจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่การทำผลสำรวจติ๊กถูกผิดเหมือนทั่วไปกว่าที่เราจะได้ผลสำรวจมาแต่ละชิ้นนั้น เราใส่ใจในการทำงานทุกขั้นตอน ดังนั้นขอให้มั่นใจได้เลยว่าข้อมูลทุกอย่างมีที่มาที่ไป ทางสถาบันจะยินดีอย่างยิ่งหากท่านต้องการนำข้อมูลของเราไปใช้ต่อยอดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อประโยชน์ของทางแบรนด์ สามารถขอดูข้อมูลเชิงลึกได้ อีกทั้งยังตั้งเป้าเป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับสังคมที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมได้ด้วยเช่นกัน’ คุณชุติมา กล่าว
โดย พร้อมพร ได้กล่าวเสริมถึงเรื่องการเผยแพร่ผลสำรวจไว้ว่า ‘ในเดือนตุลาคมนี้ ถือเป็นครั้งที่ 5 ของปีแล้ว ที่เราได้ทำการเผยแพร่ผลสำรวจ โดยในเดือนตุลาคม ความต้องการในการใช้จ่ายของคนไทยยังทรงตัว แต่เมื่อเทียบกับผลสำรวจเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยหลายคนกำลังเผชิญหน้ากับสภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพพุ่งสูง ข้าวของเครื่องใช้ต่างก็ขึ้นราคากันไม่เว้นวัน แต่ความต้องการในการใช้จ่ายยังคงทรงตัว แม้ว่าสถานการณ์จะผันผวนแค่ไหน คนไทยมีแนวโน้มในการปรับตัวสู้ได้กับทุกสถานการณ์’
ผลการวิจัยของสถาบันในทุกครั้ง เนื้อหาภายในจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสุขของคนไทยและในฉบับนี้เองจะเห็นได้ว่า ค่าความสุขของคนไทยในภาพรวมยังคงอยู่ตัว แต่ถ้าหากเจาะลึกไปกว่านั้น เพศชายจะมีความสุขเพิ่มขึ้น +2 ในทางกลับกัน เพศหญิงมีความสุขลดลงถึง -3 ด้วยภาระหน้าที่ทั้งงานในบ้าน งานนอกบ้าน แบกรับภาระค่าใช้จ่ายของลูกและครอบครัว ด้วยเหตุนี้เองทำให้ภาพรวมความสุขยังคงคงที่เหมือนเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การท่องเที่ยวในบ้านเรายังคงคึกคัก หลังเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จังหวัดต่างๆจากที่เคยซบเซาเพราะพิษโควิด ตอนนี้เริ่มกลับมาคึกคักมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยทำให้คนในประเทศมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และคนในประเทศเองได้กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข จับจ่ายใช้สอยเพื่อตนเองและครอบครัว รวมถึงใส่ใจในเรื่องอนาคตของตนเองและครอบครัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงในครอบครัว คนในสังคมหันมามุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาตนเองโดยถือคติที่ว่า “ความรู้คือจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้า” หวังเพิ่มความรู้ความสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และความมั่งคั่งในอนาคตระยะยาว