นิรโทษกรรม = คืนยุติธรรมให้ประชาชน

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นิรโทษกรรม = คืนยุติธรรมให้ประชาชน


วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

การพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จัดเป็น "สิ่งปกติ" ของสภา และพรรคร่วมรัฐบาลล้วนให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งและสร้างความยุติธรรมขึ้นในสังคม

ว่ากันตามจริงแล้ว ปมความขัดแย้ง จนเกิดแบ่งฝ่าย กลายเป็นสีเสื้อต่างๆ ในสังคมไทยขณะนี้ มีต้นทางความรุนแรงมาตั้งแต่ทหารยึดอำนาจรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 กันยายน 2549 แล้วความขัดแย้งนี้ถูกตอกย้ำ บานปลายจนกลายเป็นการ "ฆ่าประชาชน" กลางกรุงเทพฯ ในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553

"ดร.กฤตยา อาชวณิชกุล" ประธานศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 2553 (ศปช.) ระบุจำนวนประชาชนถูกดำเนินคดีเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองหลังรัฐประหารรวม 1,888 คน ในจำนวนคดียังไม่สิ้นสุดจำนวน 337 คน และยังมี "หมายจับ" ที่ยังจับกุมไม่ได้อีกหลายร้อยคนในจังหวัดมุกดาหาร, อุดร, อุบล, ขอนแก่น และ เชียงใหม่

ที่สำคัญการเก็บรวบรวมข้อมูลนี้ ดร.กฤตยา ให้ข้อสังเกตว่า ผู้ได้รับผลกระทบ จากการถูกดำเนินคดียังไม่ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง เนื่องจาก ศปช. ไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดของข้อมูลผู้ถูกหมายจับแต่ยังไม่ถูกจับได้

เอาเป็นว่า บนพื้นฐานข้อมูลของ ศปช. นั้น ผู้ต้องหาในคดีอาญาอีกจำนวนมากยังต้องหลบหนีหมายจับ ซึ่งผลกระทบจากคดีทางการเมืองเล่านี้เป็นความ "เก็บกด" ภายในจิตใจ นานวันเข้าโอกาสเกิดความแค้นเคืองระหว่าง "รัฐกับประชาชน" มีอยู่สูง

+ ปลดชนักประชาชน

กฎหมายนิรโทษกรรมถูกประกาศใช้ในสังคมไทยมาตั้งแต่ปี 2475 ถึงปัจจุบันรวมประมาณ 24 ฉบับ และฉบับล่าสุดคือ พ.ร.ก. นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมกันระหว่างวันที่ 17- 21 พฤษภาคม 2535 ซึ่งประกาศใช้เมื่อ 23 พฤษภาคม 2535

ในจำนวนกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 24 ฉบับ มีกฎหมายให้ประโยชน์กับประชาชนเพียง 4 ฉบับ นอกนั้นเป็นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มอำนาจทำรัฐประหาร นั่นแปลความ ว่าทหารและกลุ่มคนระดับสูงได้ประโยชน์

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.กระทรวง ศึกษาธิการ กล่าวในงานสัมมนา "108 เหตุผล ทำไมต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง" เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า การนิรโทษกรรมประชาชนส่วนมากเรียกว่า "การนิรโทษกรรมเหตุการณ์" เนื้อหาส่วนใหญ่คือ การนิรโทษคดีอาญา ไม่ใช่นิรโทษผู้มาชุมนุม หรือไม่มาชุมนุม เนื่องจากประชาชนมาชุมนุมทางการเมืองมาใช้เสรีภาพแล้วถูกปราบปราม เสียชีวิตล้มตายจึงเกิดการโกรธแค้น

สำหรับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งสภาจะพิจารณาวาระแรกในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นการนิรโทษกรรมประชาชน และเป็นความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง เช่นเดียวกับการนิรโทษกรรมเหตุการณ์ คือ ไม่ใช่เฉพาะกรณีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ซึ่งได้ประโยชน์ เฉพาะคนติดคุกได้ชื่อว่าไม่ผิด

"ประโยชน์การนิรโทษกรรมก็คือ คนที่ทำความผิด คนที่เป็นชนักภายหลัง โดยเจ้าหน้าที่จะใช้ดุลพินิจลงโทษเมื่อไรก็ได้ พอนิรโทษกรรมแล้ว คนพวกนี้ได้อานิสงส์ด้วย ไม่ใช่เฉพาะคนที่ติดคุก หรืออยู่ระหว่างการขึ้นศาล"

ข้อสรุปของนายจาตุรนต์มีว่า การนิรโทษกรรมคราวนี้ เป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐ ไม่ใช่ประชาชน กับรัฐบาล รวมทั้งเยียวยาผู้เดือดร้อน ปลดชนักให้คนมีชนักติดหลังไม่ต้องกลายเป็นเบี้ยล่างของผู้มีอำนาจรัฐกันเรื่อยไป นั่นคือ ส่วนหนึ่งของการลดความขัดแย้งในสังคม

+ เผชิญหน้าในสภา

หลักการร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย อยู่ที่มุ่งลดความขัดแย้ง และเลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคม โดยต้องการปลดปล่อย "ประชาชน" ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ให้พ้นจากการกระทำผิด

เนื้อหาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมมีทั้งสิ้น 7 มาตรา ที่สำคัญอยู่ในมาตรา 3 โดยมี สาระสำคัญให้ยกเว้นความผิดของประชาชน แต่ไม่ยกเว้นความผิดของแกนนำที่มีอำนาจสั่งการ

นอกจากนี้ ในมาตรา 4 ยังระบุถึงการ ปล่อยผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี หรือรับโทษให้พ้นผิด ซึ่งมาตรานี้มีความหมาย อย่างเดียวกับสิ่งที่นายจาตุรนต์ระบุว่า ต้องการปลด "ชนัก" ให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และไม่แตกต่างจากข้อสังเกตของ ดร.กฤตยา ว่า "ยังมีผู้หลบหนี และมีหมายจับอีกหลายร้อยใบ" ดังนั้น เมื่อกฎหมายนิรโทษกรรมประกาศใช้บุคคลต่างๆ เหล่านี้ได้ประโยชน์ตามไปด้วย ไม่ใช่ได้เฉพาะคนที่มีคดีแล้ว หรือ ถูกติดคุกอยู่ในปัจจุบัน

อนาคตของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้อยู่ที่การพิจารณาของสภาในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ หากฝ่าอุปสรรคและแรงต่อต้านจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งมวลชนนอกสภากดดันไปได้แล้ว เส้นทางเดินของกฎหมาย ฉบับนี้ยังอยู่อีกยาวไกลจนกว่าจะเดินไปถึง "จุดสำเร็จ" และครบถ้วนตามกระบวนการพิจารณาของสภา

แต่ถึงที่สุดแล้ว จุดเริ่มต้นเพื่อไปสู่อนาคตการปลด "ความผิดและชนักติดหลัง" ของประชาชนยังอยู่ที่การฝ่าด่านแรงต่อต้าน ในวาระหนึ่ง แล้วไปสู่วาระสองและสามได้สวยสดงดงามเพียงไร

+ คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม วันที่ 7 สิงหาคม นี้ สภาต้องพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษ-กรรมตามระเบียบวาระปกติ และวันนี้ย่อมเป็น การพิสูจน์ถึงเจตนาของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล กับกลยุทธ์การต่อต้านสารพัด "เกม" ของพรรคประชาธิปัตย์ที่งัดออกมาล้มให้ได้

ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน กล่าวว่า หลักการนิรโทษกรรมมีง่ายๆ เพียงเหตุผลเดียวว่า ถ้าต้องการ เป็นประเทศประชาธิปไตย ก็ต้องไม่มีนักโทษการเมืองควรปล่อยให้หมด เพื่อลบล้าง "ความป่าเถื่อน" ออกไป

สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ศ.ดร.ธงชัย ย้ำว่า การผลักดันนิรโทษกรรมจึงมีค่าเท่ากับการแก้ไขความผิดพลาดของฝ่ายรัฐ และคืนความ ยุติธรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดีและสังคม "ถ้ามีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้นจริง สิ่งนี้คือความพยายามที่จะให้สังคมคืนความยุติให้คนเหล่านั้น และให้รัฐคืนความยุติธรรมให้กับ สังคม เราไม่ได้ลบล้างความผิดให้คนที่อยู่ในคุกตอนนี้ เพราะเขาไม่มีความผิด"

ด้วยเหตุนี้ หากกฎหมายนิรโทษกรรม ถูกแรงต่อต้านจนถึงกับล้มพังไป เพียงแค่หลับตานึก ย่อมเห็นสังคมที่เต็มไปด้วยความ ขัดแย้ง ผู้คนอยู่ร่วมกันด้วยอารมณ์แค้นระอุ และมีแต่ความหวาดผวา รัฐต้องเผชิญหน้า กับประชาชนไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าพรรคการเมือง ใดได้เป็นรัฐบาลต้องเผชิญหน้าอย่างยากจะหลีกเลียงได้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ