Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
เมื่อ "ฟืนห่างไฟ"
เมื่อ "ฟืนห่างไฟ"
วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก
ไม่รู้สินะ...สำหรับเรื่องนิรโทษกรรม ต่อให้มองในแง่เลวร้ายสุดๆ ผมก็ยังเห็นว่ามันเป็น "คุณ" มากกว่าโทษอยู่ดี
ยิ่งหยิบเอา "ยุติธรรม" มาเป็นบรรทัดฐานด้วยแล้ว ผมยิ่งเห็นด้วยอย่างยิ่งกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ว่า "การนิรโทษ เป็นการอำนวยความยุติธรรมให้ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม"
แม้กับฆาตกรที่ถูกลงทัณฑ์ขั้นรุนแรงในเรือนจำ กฎหมายยังเปิดโอกาสให้เขาได้รับโทษน้อยลง ทำให้ชีวิตเขามีความหวังในการกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคม มากกว่าพวกที่อยากทำชั่วซ้ำซากด้วยซ้ำ
ยิ่งกับคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง อันเป็นสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยด้วยแล้ว นักการเมืองที่ปากพร่ำพูดว่าศรัทธาประชาธิปไตย ยิ่งต้องคิดให้รวดเร็วกว่ามนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำว่า อะไรคือความเป็นไท อะไรคือความเป็นธรรม
แต่แปลกใจที่สุดกลายเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างเป็นแกน "ตั้งธง" โดยไม่ยอมรับฟังไม่ยอมยืดหยุ่นต่อประเด็นนิรโทษกรรมแม้แต่น้อย... ด้วยเงื่อนไขที่วางไว้อย่างเหนียวแน่น
อีกนั่นแหละ หากย้อนไปดูทิศทางการเมืองในอดีต หากพรรคใดที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าพรรคนั้นไม่ยอมศิโรราบ หรือไม่เป็นพันธมิตรด้วย ก็จะต้องถูกพรรคเก่าแก่นี้คัดค้านสุดเหวี่ยงทุกเรื่อง
ยกเว้นบางเรื่องบางห้วงที่คุณอภิสิทธิ์กล้า "กอดเอวเนวิน"โชว์ให้สาธารณะเห็นอย่างกระอักกระอ่วนใจใครจนแทบ "คลื่นไส้" ตั้งแต่นั้นมา การบริหารกระทรวงใหญ่อย่างคมนาคมก็ถูกปู้ยี่ปู้ยำฝืนความรู้สึกของคนประชาธิปัตย์แบบ "งูแพ้เชือกกล้วย" อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้...โดยเฉพาะแผนปิดสนามบินดอนเมืองให้ทิ้งร้าง แล้วไปใช้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียวด้วยข้ออ้างสารพัดอย่างทุเรศ
มาถึงวันนี้ สนามบินดอนเมืองถูกรื้อฟื้นจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ใช้ควบคู่ไปกับสนามบินสุวรรณภูมิกลับสร้างความคึกคักด้านการคมนาคมทางอากาศ นอกจาก ช่วยระบายความแออัดคับคั่งของสุวรรณภูมิแล้ว ยังเพิ่มผู้โดยสาร เพิ่มสายการบิน เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจกระจายไปรอบสนามบิน
ไม่เห็นมีอะไรชั่วร้าย มีเหตุเสียหายเหมือนที่พรรคภูมิใจไทยภายใต้การการันตีของรัฐบาลประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย
กับพฤติกรรมฉุดกระชากประธานสภา ลากพาเก้าอี้ประธานสภาออกจากบัลลังก์ หรือขว้างแฟ้มปลิวว่อนในที่ประชุมสภาของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วอ้างว่าทำในเชิงสัญลักษณ์...ต่อให้ผู้มีจิตใจเป็นธรรมและยึดจรรยามารยาทพิจารณาอย่างไร ก็บันทึกไม่ได้ว่า "เป็นความดี" ที่พึงกระทำ
ทำให้เห็นว่า บางทีและหลายครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มองว่าเป็นเรื่องถูกต้องดีงาม มันจึงน่าสงสัยว่า บรรทัดฐานที่ผู้คนพึงคล้อยตาม ควรจะต้องเชื่อต้องหลงใหลไปตามความคิดของประชาธิปัตย์หรือไม่
เมื่อผสมรวมกับ "ภาวะผู้นำ" ในยุคคุณอภิสิทธิ์ครั้งกุมอำนาจรัฐ และเกิดความตายของผู้คนเกือยร้อยชีวิต บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ไม่ว่าคุณอภิสิทธิ์ หรือคุณสุเทพจะไม่ลั่นไกปืนด้วยตัวเอง แต่พยายามแสดง "ความไม่รับผิดชอบ" ของคนเป็นผู้นำมาจนบัดเดี๋ยวนี้ มันควรเป็นแบบอย่างของนักประชาธิปไตยหรือไม่
ใช่เดี๋ยวนี้ ขึ้นเวทีปราศรัยนอกจากพูดเก่ง พลิกแพลงเก่งกว่าเดิมแล้ว ยังมี "แอ็กชั่น" พูดแล้วถอยจากไมค์ลอยหน้าลอยตา รอให้คนฟังเฮกรี๊ดด้วยความสะใจอีกต่างหาก...ดูจะเป็นลีลา "ลิเกอ้อนแม่ยก" เพื่อกุมหัวใจ "แฟนคลับ" มากกว่าสาระทางการเมืองมากเกินไปหรือเปล่า
เอาเถอะ สำหรับพรรคเก่าอย่างประชาธิปัตย์และพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย ต่างก็มีกลยุทธ์ปลุกระดมมวลชนด้วยลีลาของแต่ละฝ่ายต่างกันไป ใครจะเชื่อหรือไม่ ย่อมเป็นวิจารณญาณของแต่ละคน
ยามนี้กระแสผู้คนอาจเห็นว่า "เป็นทีของประชาธิปัตย์" เพราะได้ใช้กลยุทธ์ขยันตั้งเวทีปราศรัย ใช้ลีลาคารมให้ชุมนุมชนคล้อยตามได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็คงเดินหน้าต่อไปตามความถนัด ตามความเชี่ยวในเชิงหลบกติกามารยาท ออกมา "ลุยนอกสภา" โดย "ไม่เข้าข่ายยุบพรรค" ได้ ก็ทำกันไป
เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองและคนบางกลุ่มจะระดมผู้คนให้หลั่งไหลออกมาแสดงพลังอย่างเนืองแน่นตามระบอบประชาธิปไตยได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าจุดพลังมวลชนให้เชื่อเป็นแสนเป็นล้านคน เราก็อาจเรียกได้ว่าเป็น "ไทยสปริง"
ถ้าจุดไฟไม่ติด ปลุกมวลชนให้เป็นกระแสเชี่ยวกรากไม่ได้ เราก็คงเห็นเกมการเมืองบางกลุ่มบางพรรคที่มอดจางไปตามยุคสมัย
แต่ "ฟืนขอนใหญ่" ที่เป็นเชื้อไฟใน "เตาการเมือง" คือ ทหารในกองทัพ กลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะไม่เข้าไปยุ่มย่าม "จ่อไฟปฏิวัติ" อีก เพราะอดีตที่ผ่านมาก็สร้างความเสื่อมเสียและเจ็บปวดให้กองทัพมากพอแล้ว
เมื่อ "ฟืนห่างไฟ" ไม่อยากเป็นเชื้อที่จุดติดทีไร ก็กลิ่นไหม้เหม็นคลุ้ง ไม่ ได้เป็นกองไฟที่สร้างความอบอุ่นให้คนในสังคมประชาธิปไตย...ไฟประชาธิปไตย ก็จะให้ความร้อนที่พอดีพองามตามระบอบที่แท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ