“ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลงสู่เกณฑ์ซบเซา นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่กังวลเรื่องนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ FED และเงินทุนไหลออก

วันพุธที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2565

“ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลงสู่เกณฑ์ซบเซา นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่กังวลเรื่องนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ FED และเงินทุนไหลออก


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกันยายน 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 67.83 ปรับตัวลดลง 41.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”  นักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED รองลงมาคือ การไหลออกของเงินทุน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกันยายน 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ลดลง 41.8% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 67.83
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ อยู่ในระดับ “ทรงตัว” 
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยว
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED

“ผลสำรวจ ณ เดือนกันยายน 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนแทบทุกกลุ่มปรับลดลงโดย นักลงทุนบุคคลปรับลดลง 39.3% อยู่ที่ระดับ 77.33 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 28.6% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลดลง 60.0% อยู่ที่ระดับ 40.00 ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 6.2% อยู่ที่ระดับ 113.33

ในช่วงเดือนกันยายน 2565 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์แรกในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก และทยอยปรับตัวลดลงหลังเผชิญแรงกดดันหลายประเด็น อาทิ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินกว่าคาดซึ่งส่งผลต่อความกังวลต่อการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED แนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ตามที่ธนาคารโลกได้ออกมาประกาศ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย—ยูเครนที่ทวีความตึงเครียดขึ้นหลังรัสเซียสั่งระดมทหารกองหนุนเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมทำสงครามกับยูเครน นอกจากนี้ การปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี FTSE ซึ่งมีผลในวันที่ 16 กันยายน 2565 ยังเป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความกดดันต่อนักลงทุน โดยตลอดทั้งเดือนกันยายน 2565 SET index เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,589.51— 1,665.74 จุดและ SET Index ณ สิ้นเดือนปิดที่ 1,589.51 จุด  ปรับตัวลดลง 3% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในเดือนกันยายน  2565 กว่า 24,279 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2565 นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเป็นมูลค่า 146,465 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ FED รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังคงสูง อีกทั้งนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศที่ออกมาเพื่อบริหารจัดการความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน  แนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย—ยูเครนที่ตึงเครียดขึ้นหลังรัสเซียรับรองพื้นที่ 4 เขตในยูเครนให้เป็นดินแดนของรัสเซีย  ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาขึ้นของประเทศไทยหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 มาอยู่ในระดับ 1% แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้แรงหนุุนจากภาคการท่องเที่ยวซึ่งขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ