"ศักดา ศรีแสงนาม" The Best CEO "CH"

วันพุธที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2565



ในช่วงนี้หากใครได้ติดตามข่าวสารวงการหุ้น คงไม่มีใครไม่รู้จัก “CH” หุ้นใหม่มาแรง ที่นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นกันอย่างท่วมท้นตั้งแต่เข้า SET วันแรกจนถึงปัจจุบัน อีกหนึ่งเหตุผลที่หุ้น CH เป็นที่นิยม นั่นก็คือ การมีธุรกิจที่ยั่งยืน และดำเนินธุรกิจมานานนับ 97 ปี 

ความสำเร็จทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีทีมผู้บริหารและพนักที่เก่งกาจ โดยเฉพาะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างขวางอย่าง “ศักดา ศรีแสงนาม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ดังนั้น “ทีมข่าวสยามธุรกิจ” จึงขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ CEO คนเก่ง ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจไทยให้ดังไกลไปทั่วโลก โดยมีประเด็นคำถาม ดังนี้

ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้นำพา CH เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

คำถามแรกก็เปิดมาด้วยคำถามสบาย ๆ เริ่มจากให้แนะนำตัวเล็กน้อย นายศักดา เล่าว่า เขาเป็นลูกชายคนโตของคุณพ่อประสาน ศรีแสงนาม ที่เข้ามาสืบทอดการบริหารงาน บริษัท เจริญอุตสาหกรรม หรือ CH หรือคนในวงการรู้จักกันในนาม “จิ้นฮ่วย” และเป็นผู้นำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ย้อนไปในช่วงหลายสิบปีก่อน ได้ศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ต่อมาในช่วงมัธยมศึกษาได้ศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็ได้เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทจาก Northern Arizona University หรือ NAU ส่วนปริญญาโทใบที่สองได้ศึกษาที่ University of Southwestern Louisiana หรือ UL หลังจากที่เรียนจบ ได้ทำงานในด้านคอมพิวเตอร์ประมาณ 8 ปี หลังจากนั้นก็ได้เริ่มเข้ามาทำงานที่ “จิ้นฮ่วย” เพื่อเข้ามาช่วยงานครอบครัว ประกอบกับตอนนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งพอดี 

เมื่อถามถึงกิจกรรมที่ชอบทำ นายศักดา กล่าวว่า “กิจกรรมและความชอบของแต่ละคนก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยของแต่ละช่วงวัย สมัยก่อนผมจะชอบเล่นกอล์ฟ ตีเทนนิส ว่ายน้ำบ้าง แต่ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ก็เล่นกีฬาที่เบาลง เช่น จ๊อกกิ้ง โยคะ ปฏิบัติธรรม ฟังธรรมะบ้าง” (ยิ้ม)
 

“เด็กในแต่ละเจนฯ ไม่เหมือนกัน รุ่นผมถูกฝึกให้เคารพผู้ใหญ่ แต่รุ่นลูกถูกฝึกให้กล้าแสดงออก”

ปัจจุบันดำเนินธุรกิจด้วยเจเนอเรชันที่ 3 และตอนนี้ได้ทำงานร่วมกับลูกหลานที่เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ดังนั้นจะมีเรื่องของความต่างในด้านการทำงาน ความคิดที่ค่อนข้างต่างกัน อยากทราบว่า มีวิธีปรับเข้าหากันอย่างไร? มันเป็นการทำงานที่ยาก เพราะว่าเด็กในแต่ละเจเนอเรชันไม่เหมือนกัน แต่ละคนก็จะถูกสอนมาต่างกัน อย่างรุ่นของผมเวลาที่ทำงานกับเจนฯ 2 สิ่งที่ผมถูกฝึกมาคือให้เคารพผู้ใหญ่ เรามีสิทธิที่จะเสนอความคิดของเราให้กับผู้ใหญ่ ถ้าพวกเขาไม่ฟัง สิ่งที่เราต้องทำคือเคารพการตัดสินใจของเขา” 

นายศักดา (ยิ้ม) และกล่าวต่อว่า “พอมาถึงรุ่นที่ 4 พวกเขาไม่ได้ถูกฝึกมากับเรา เขาถูกฝึกมาให้กล้าแสดงออก และสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่ค่อยอดทนเหมือนรุ่นที่ 3 ดังนั้นเราเลยต้อง on the job training ให้เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราต้องบอกให้เขารู้ว่าสุดท้ายแล้ว สิทธิการตัดสินใจอยู่ที่เรา มิฉะนั้นเขาจะเถียงหัวชนฝา เราต้องบอกว่าที่นี่คือที่ทำงานนะ ไม่ใช่ที่บ้าน ต้องแยกให้ออก ดังนั้น สิทธิการตัดสินใจอยู่ที่คุณพ่อและคุณลุง เขามีสิทธิที่จะเสนอได้ ซึ่งเด็กสมัยนี้ชอบความเป็นอิสระ ถ้าเราเห็นว่าโปรเจกต์ไหนใช้ความเสี่ยงไม่มากหรือใช้เงินไม่มากเราจะให้เขาลงไปทำ ไปเรียนรู้ ล้มบ้าง มีแผลบ้าง เพื่อให้เติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญคือต้องถามว่าเขาหวังอะไรจากบริษัทฯ เพื่อไกด์ให้เขาอยู่ในสิ่งที่เขาต้องการ ในรุ่นก่อน ๆ ไม่ได้มีการถามแบบนี้ แต่ผมคิดว่าสำหรับเด็กรุ่นนี้เราควรจะถามเขา”

“เราต้องการทำงานและอยู่ในสังคมนี้อย่างยั่งยืนโดยที่ไม่ทำร้ายสังคม”
ปัจจุบันนี้ในสังคมของเราหันมาให้ความสนใจในเรื่องของ zero Waste และ Sustainable มากขึ้น ทาง CH มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง? “ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอยู่แล้ว อย่างที่ปรัชญาการทำงานของต้นไม้คือ การอยู่อย่างยั่งยืน เราต้องการทำงานและอยู่ในสังคมนี้อย่างยั่งยืนโดยที่ไม่ทำร้ายสังคม ผมเองไม่ได้ถนัดในด้านนี้แต่ผมเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักวิชาการทุกคนที่เข้ามานำเสนอครับ” 

จุดเริ่มต้นจากการทำน้ำปลา สู่ผลิตภัณฑ์อาหารและผลไม้กระป๋อง
หลายคนสงสัยว่า แท้จริงแล้ว จิ้นฮ่วย ทำผลไม้อบแห้งและอาหารกระป๋องเท่านั้นหรือเปล่า? นายศักดา เล่าว่า จิ้นฮ่วยเป็นผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปมาแล้ว 97 ปี เริ่มต้นด้วยการทำน้ำปลาและซีอิ๊ว พอทำน้ำปลา ก็มีปลา จึงผลิตปลากระป๋องขึ้นมาในชื่อของแบรนด์ SUMACO (ซูมาโก) เมื่อมีเทคโนโลยีการทำกระป๋องขึ้น ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์กระป๋องเกิดขึ้นมา อาทิ ผักกาดกระป๋อง เต้าหู้ยี้กระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ฯลฯ

ผลไม้อบแห้งรายได้หลักของบริษัทฯ พร้อมบุกเส้นทางใหม่ด้วยขนมเพื่อสุขภาพ

สินค้าผลไม้อบแห้งมีที่มาที่ไปหรือเริ่มจากอะไร? นายศักดา กล่าวว่า “มันเริ่มจากที่ผลไม้กระป๋องได้รับการตอบรับน้อยลง จึงเปลี่ยนมาทำผลไม้อบแห้ง ซึ่งก็กลายเป็นแหล่งรายได้ของบริษัทฯ แต่เราก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเพราะว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าของมันมีขึ้นมีลง สักวันผลตอบรับของผลไม้อบแห้งอาจจะไม่ดี จึงเกิดความคิดว่าแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้นเราจึงมุ่งไปทางขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีตลาดใหญ่กว่าผลไม้อบแห้ง”

มะม่วงอบแห้ง ผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของจิ้นฮ่วย

ตามที่เล่ามาเราสามารถพูดว่าขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของทาง CH เลยหรือเปล่า?  นายศักดา (ยิ้ม) กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรามีสินค้าอยู่ 3 โปรดักส์ไลน์ คือปลากระป๋องซึ่งมียอดขายคงที่ ตัวที่สองคือผลไม้อบแห้งที่ตอนนี้มียอดขายเติบโตได้เรื่อย ๆ และตัวที่สามคือขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่คาดหวังว่าจะเป็นแหล่งรายได้แหล่งใหม่ให้กับเรา แต่ถ้าถามว่าผลิตภัณฑ์ใดเป็นไฮไลต์ของจิ้นฮ่วยในตอนนี้คือผลไม้อบแห้ง ซึ่งตัวที่เด่นที่สุดก็คือ มะม่วงอบแห้งครับ”

สำหรับการออกแบบแพ็กเกจหรือผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ CH มีต้นกำเนิดมาจากอะไร? “เราใช้วิสัยทัศน์และ Innovative Healthy Foods เราจะเน้นเรื่องสุขภาพ ก่อนที่จะทำอะไรต้องคิดว่ากินเพื่อสุขภาพอะไร ก่อให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ เราอยากให้คนไทยได้บริโภคสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ”

ซื่อสัตย์ จริงใจ และเติบโตไปด้วยกัน เคล็ดลับมัดใจผู้บริโภคตลอด 97 ปี

เมื่อถามว่า “จิ้นฮ่วย” มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจมาตลอด 97 ปี นายศักดา (ยิ้ม) และกล่าวว่า “เคล็ดลับที่เรามี และใช้มานานแล้วคือ “ซื่อสัตย์ จริงใจ และเติบโตไปด้วยกัน” อย่างคำว่าจิ้นฮ่วย เป็นกลยุทธ์ที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาฝังอยู่ในชื่อบริษัทฯ บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้าและมีวิวัฒนาการอยู่เสมอ มีการ Co-Creation กับคู่ค้าเพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ  จนทำให้ผู้บริโภคอยู่คู่กับเรามาตลอด 97 ปี”

นำเสนอสินค้าใหม่ ๆ เสมอ ก่อนที่ผู้บริโภคจะเบื่อสินค้า

ในอนาคตจะมีการปล่อยผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่แตกต่างจากเดิมออกมาหรือไม่? “มีแน่นอนครับ มันจะมีคำที่บอกว่า เราจะนำสินค้าใหม่มาเสนอให้คุณ ก่อนที่คุณจะเบื่อสินค้าของเรา ในห้องแล็บของเรามีสินค้าใหม่เยอะมาก แต่ต้องค่อย ๆ ปล่อยออกไป ถ้าเกิดปล่อยออกมาเยอะ ๆ ลูกค้าก็จะเลือกไม่ได้สักอย่าง ในเดือนหน้าผมจะไปปล่อยผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ฝรั่งเศส แต่เป็นสินค้าที่ผลิตที่โรงงานกัมพูชาครับ” นายศักดา กล่าว

เงินบาทอ่อนค่าส่งผลกับบริษัทฯ อย่างไร?

ในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าส่งผลต่อต้นทุนและกระบวนการการผลิต ทางบริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง? นายศักดา กล่าวว่า “ต้นทุนสูงขึ้นแน่นอน ในขณะเดียวกันเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้เอาชนะต้นทุนที่สูงขึ้นได้และยังเหลือกลับมาเป็นกำไรครับ” 

ฝากข้อความถึงนักลงทุนและผู้บริโภค

ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์และแยกย้ายกันไป อยากให้ฝากความมั่นใจถึงนักลงทุนและลูกค้าสักเล็กน้อย “97 ปีในการทำธุรกิจ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทฯ มีความยั่งยืน นักลงทุนสามารถมั่นใจและนำไปเป็นหลักประกันได้ครับ” 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ