“ดร.สมคิด” โชว์วิชั่น ปฏิรูปเกษตร-ท่องเที่ยว ปั้น อาหารแห่งอนาคต ร้อย 6 ไข่มุก “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง”

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

“ดร.สมคิด” โชว์วิชั่น ปฏิรูปเกษตร-ท่องเที่ยว ปั้น อาหารแห่งอนาคต ร้อย 6 ไข่มุก “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง”


          ชื่อเสียงของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือที่คนสนิทสนมจะเรียก “เฮียกวง” นั้นเป็นที่ยอมรับว่าเป็นทั้งนักวิชาการ นักคิด นักการตลาด จอมยุทธ์ และบางคนยกย่องว่าเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” ที่หาผู้เปรียบเทียบยาก

          ความที่ถือนโยบายไม่เป็นศัตรูกับใคร ดร.สมคิดจึงมีแต่มิตรทั่วบ้านเมือง จึงถูกเชิญให้เป็นที่ปรึกษา เป็นกรรมการองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันอุดมศึกษา มูลนิธิ ฯลฯ มากมายนับไม่ถ้วน

          ส่วนในด้านการเมืองเป็นที่รู้กันดีว่า ดร.สมคิด คือ “กระบี่มือหนึ่ง” ที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้งานตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก และแม้จะถอยจากการเมืองไปพักใหญ่กระทั่งเกิดการรัฐประหารในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่รู้แต่เรื่องการทหารได้เชิญ ดร.สมคิด มาช่วยแบกรับภาระหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ

          เกือบ 5 ปีที่ช่วยประคองเศรษฐกิจ จากยุค คสช.จนถึงรัฐบาลผสมสารพัดพรรค กระทั่งถูกนักการเมืองเขี่ยออกจากรัฐบาลพร้อมทีม “4 กุมาร” ที่ดร.สมคิดดึงเข้าไปช่วยงานเศรษฐกิจ

          หลายคนคิดว่าดร.สมคิด คงถอยห่างการเมืองเพื่อไปพักผ่อนกับลูกหลาน หรือไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้องค์กรภาคเอกชนที่ส่งเทียบเชิญไปช่วยงานมากมาย

           แต่วันนี้ดร.สมคิดกลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ปี่กลองการเมืองการเลือกตั้งเริ่มโหมประโคม พรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเริ่มลงพื้นที่หาเสียง แต่ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่เป็นน้องใหม่แต่ไม่ไร้ประสบการณ์ได้ชูจุดแข็งด้วยการเสนอชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น “คู่ชิงนายกรัฐมนตรี” คนใหม่

          8 กันยายน ที่ผ่านมา วันที่ดร.สมคิด ประกาศรับตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างเป็นทางการ ได้กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของไทย แนวความคิดและเป้าหมายของการอาสาจะกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้งอย่างน่าสนใจ

          “เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์ตอนนี้หนักกว่าที่คิด ตัวเองอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แถมยังเจอมรสุมโลก วันนี้ส่งออกเริ่มชะลอตัว พลังงานแพง ท่องเที่ยวลำบาก ดัชนีความสามารถในการแข่งขันลดฮวบ”         

          ดร.สมคิด เคยกล่าวถึงปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมาหลายครั้งหลายเวที และวันนี้ก็ยังกล่าวย้ำอีกว่า คนกว่า 60% ของประเทศ หรือประมาณ 30 ล้านคนอยู่ในภาคการเกษตร แต่เกษตรกรรมมีสัดส่วนใน GDP ไม่ถึง 10% จึงไม่มีอำนาจซื้อ แต่มีหนี้สินเยอะ การจะแก้ไขให้เห็นผลจำเป็นต้องปฏิรูปภาคการเกษตรและท่องเที่ยวอย่างถึงรากถึงโคน หากไม่เปลี่ยนแปลงสินค้าก็ยังด้อยค่า ขณะที่ต่างประเทศซื้อเอาไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม

          จุดอ่อนสินค้าเกษตรไทยคือเป็นเกษตรดิบๆ ไม่เคยยกระดับ ไม่เคยพัฒนาด้านเทคโนโลยีในขณะที่เกษตรกรจีนที่เคยยากจนกว่าไทยมากวันนี้ค้าขายผลผลิตด้วยระบบออนไลน์ 

          “ถ้าเราไม่ไปสู่ดิจิทัล ไม่แก้ตอนนี้ ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งกว่านี้อีก

          ดร.สมคิดมองอนาคตและความคิดในการปูรากฐานใหม่ของไทยว่า ด้านการส่งออกสินค้าต้องแข่งขันได้ ไม่ใช่สินค้าอุตสาหกรรมเดิมๆแค่ไม่กี่กลุ่ม สินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อยกระดับมูลค่าคือ “หัวใจ” สำคัญ

          และที่เชื่อมโยงกันคือต้องเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้การท่องเที่ยวไม่กระจุกแค่เมืองหลักเดิมไม่กี่จังหวัด

          การพัฒนาระบบการขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตร คมนาคม และการท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งรากฐานสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง

          “ต้องสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้แข็งแรงถึงจะสู้วิกฤติได้ภายใต้มรสุมโลก” นี่คือแนวคิดของดร.สมคิด

          การจัดสัมมนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ของพรรคสร้างอนาคตไทย เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า เจ้าฟ้าภูเก็ต คือเวทีแรกของดร.สมคิด หลังเปิดตัวเป็นทางการ

           เขากล่าวถึงจุดแข็งของอันดามันว่า เรามีไข่มุกเม็ดงามอยู่ 3 เม็ด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ และ พังงา ถ้ารู้จักร้อยไข่มุกเป็นสายสร้อยมุก จะได้สายสร้อยที่สวยงามมาก นำจุดเด่นของ 3 จังหวัดนี้รวบรวมกันเข้าเป็นแพคเกจ ประสานความร่วมมือกัน ส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเหมือน และสามารถเชื่อมโยงได้อีก 3 เม็ด คือ ระนอง ตรัง และ สตูล โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับภาคเกษตรเข้าด้วยกัน

         การเกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่าที่ต้องทำให้เป็น “อาหารแห่งอนาคต” และมีคุณภาพโดยเน้นเรื่องสุขภาพ มีมาตรฐาน เป็นเสาหลัก 1 ใน 3 ที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่อันดามัน

          ส่วนอีก 2 เสาหลักคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการดูแลสุขภาพ และ 3 การทำให้ภูเก็ตเป็นดิจิตัล ฮับ             

          เมื่อดร.สมคิด ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่พรรคสร้างอนาคตไทยขยับตัว นำเสนอยุทธศาสตร์และนโยบายการแก้ปัญหาต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม ย่อมสั่นสะเทือนวงการเมือง ส่งผลให้เกิดการปรับตัวเกี่ยวกับรูปแบบ วิธีการหาเสียง หาคะแนนนิยมแบบเดิมๆของพรรคการเมืองต่างๆ

          ความคมชัดของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบกับความโดดเด่นของผู้นำที่ผ่านประสบการณ์การบริหารประเทศมาอย่างโชกโชน คือ สิ่งที่พรรคการเมืองต้องแข่งขันกันนำเสนอต่อประชาชนในปัจจุบัน           

          “คนไทยมองหารัฐบาล มองหาความหวัง แต่เมืองไทยรอไม่ได้ รอมานานแล้ว เมืองไทยจะไปไม่ไหว  จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้” คือคำกล่าวของดร.สมคิด ที่บอกว่าเป็นแรงบันดาลใจให้คืนสู่การเมือง

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ