เวอร์ชั่นใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล ของเชฟโรเลต ครูซ ถูกตั้งคำถามว่า จะแรงจริงหรือไม่ ขับมันส์แค่ไหน ฉบับนี้ "สยามธุรกิจ" มีบททดสอบพิสูจน์พลัง 163 แรงม้า มาให้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจ
รูปลักษณ์และดีไซน์โดยรวมของเจ้า Chevrolet Cruze ที่มีขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร จะไม่ผิดแปลกไปจากเดิม แต่การเติมความสดใหม่ ด้วยการยกเอาเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้งใน Chevrolet Captiva 2.0 ลิตร และแรงด้วยพละกำลังถึง 163 แรงม้า ส่งผลให้สมรรถนะโดยรวมมีความน่าสนใจมากขึ้นเลยทีเดียว
มิติตัวถัง ยาว 4,600 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,475 มม. ฐานล้อ 2,685 มม. ความกว้างล้อหน้า 1,545 มม. และหลัง 1,560 มม. สะท้อนความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต กระจังหน้าลายรังผึ้งสปอร์ต โคมไฟหน้าทรงเหลี่ยมแนวพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลม กระจกมองข้างพับและปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ส่วนล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/50 R17 ด้านท้ายโดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายที่ดีไซน์ ได้อย่างลงตัว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางในมาดสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มหนังสีน้ำตาลทรงสปอร์ต โดยเบาะตำแหน่งคนขับปรับสูง-ต่ำได้ด้วยมือ เบาะหลังกว้างพร้อมที่พักแขนขนาดใหญ่ พื้นที่วางเท้ามีเหลือเฟือ มาตรวัดสปอร์ต ทรงกลมวางซ้อนกัน 3 วง ตกแต่งขอบด้วยพลาสติกชุบโครเมียม คอนโซลกลางด้านบนติดตั้งจอแสดงผล ระบบปรับอากาศและระบบเครื่องเสียง และจัดวางปุ่มหรือโหมดควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้จุดเดียวกัน เช่น ปุ่มล็อกและปลดล็อกประตู ส่วนปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ติดตั้งไว้ด้านข้างของพวงมาลัย
พวงมาลัยระบบไฟฟ้าหุ้มหนัง 3 ก้านแบบมัลติมีเดียปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ฝั่งโหมดควบคุมความร็วอัตโนมัติ รับ/วางโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับบลูทูธ โหมดเปลี่ยนคลื่นวิทยุ/ซีดี เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและเตรียมพร้อม อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบรักษาเสถียรภาพทรงตัว (ESP) ระบบป้องกันลื่นไถล (Traction Control) กุญแจนิรภัย Key Immobilizer
แต่ความสดใหม่อยู่ที่พลังดีเซล 163 แรงม้าเครื่อง-ยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร แบบ DOHC 16 วาล์ว 1998 ซีซี 163 แรงม้า ที่ 3800 รอบ ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 36.7 กก.-ม. ที่ 2000 รอบต่อนาที ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งพอร์ตไอดีให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทำงานประสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมด +/- ส่งผลให้การขับขี่สนุกสนานมากขึ้นเยอะ รอบเครื่องกระชับขึ้น และเรียกกำลังมาใช้งานได้ทันใจขึ้น
อัตราเร่งมาแบบนุ่มๆ แต่ให้ความต่อเนื่องดี สามารถเรียกกำลังมาใช้ได้ตั้งแต่รอบต่ำ ให้ความกระชับ มากขึ้นจากการลองขับบนเส้นทาง แถวๆ มอเตอร์เวย์ เน้นการขับจริงในชีวิตประจำวันและประหยัด ด้วยความเร็วเฉลี่ย 110-120 กม.ต่อชม. ความเร็วรอบ 1,900-2,000 รอบต่อนาที บางครั้งกดคันเร่งเพื่อเร่งแซง ก็ทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ เรียกได้ว่ากดเป็นมาเลยทีเดียว ถนนเริ่มโล่งขึ้นลองเติมคันเร่งไปอีกอัตราเร่งและความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผล็บเดียว เหลือบดูมาตรวัด ความเร็วไหล ทะลุ 180 กม.ต่อชม. ในไม่กี่อึดใจ
อัตราสิ้นเปลือง (ความเร็วเฉลี่ย 110 กม.ต่อชม.) แม้รอบจะสวิงไปมาตามสภาพการจราจรที่คับคั่ง มาตรวัดแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนมาตรวัด 15.7 กม.ต่อลิตร แต่ผมว่าขับในเขตเมืองที่รถติดๆ ไม่ค่อยประหยัดเท่าไหร่ เพราะมาตรวัดแสดงข้อมูล 8.5-9 กม.ต่อลิตร แต่จุดที่ประทับใจคือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Driver Shift Control สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดาด้วยโหมด +/- แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ รอบเครื่องและความเร็วต้องสัมพันธ์กัน ให้การขับที่กระชับ แบบ Fun To drive มากขึ้น
ระบบช่วงล่างแบบยูโรไลด์ ยังคงเอกลักษณ์และความเป็นพระเอกไว้อย่างคงเส้นคงวาเหมือนรุ่นเดิม คือหนึบแน่น เข้าโค้งด้วยความเร็วได้อย่างมั่นใจ อาจจะกระด้างไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ผมชอบนะ ขับด้วยความเร็วก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะระบบเบรกหน้า/หลัง เป็นดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน แถมมี เอบีเอส และอีบีดี ทำให้รถหยุดได้อย่างนุ่มนวล ชอบจริงเบรกแบบนี้สั่งหยุดได้ดั่งใจจริงๆ ส่วนการเก็บเสียงในห้องโดยสารเงียบ เสียงรบกวนน้อย
Chevrolet Cruze 2.0 LTZ ตัวท็อปสุดของรุ่น ราคาค่าตัว 1,248,000 บาท ดูจะดุไปหน่อย แต่เมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะการใช้งานและความประหยัด รวมทั้งความมั่นใจในการขับขี่ สำหรับผมคุ้มค่าครับ