สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก

"หนทางพิสูจน์ม้า กาลวาจาพิสูจน์มาร์ค" น่าจะเป็นภาษิตคิดใหม่ในยุควันนี้เสียจริงๆ

ความสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของนักการเมืองที่หวังจะมีอนาคตก้าวหน้า เป็นที่พึ่งของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยได้ คือ คำพูดที่ทรงพลัง เพื่อผลักดันให้ประเทศชาติเดินไปสู่อนาคตที่มั่นคง

นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลถูกกล่าวหาเป็นทุนนิยมสามานย์ คำนึงถึงพรรคพวกญาติ พี่น้อง และบานสะพรั่งไปด้วยร่องรอยทุจริตคอร์รัปชั่น แม้กระทั่งโครงการยังไม่ได้นับหนึ่ง แต่ก็ถูกจินตนาการให้เสียหายล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ด้วยกลวิธีป้ายสีทางวาทกรรม

ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้าน แทนที่จะสร้างผลงานตรวจสอบอย่างเข้มข้นด้วยเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ แต่กลับอาศัยความเชี่ยวกรากด้านวาจาคารมและชั้นเชิงทาง กฎหมาย พร้อมไปกับพฤติกรรม "น้ำเน่า" อันวงการระดับรัฐสภาไม่พึงกระทำ ก็กลับหยิบเอามาใช้โดยไม่คำนึงถึงวุฒิภาวะของชนชั้นมันสมอง

ยามนี้แวดวงการเมืองและผู้สนใจทั่วไปติฉินนินทามากที่สุด ก็เห็นจะได้แก่ วาทะ เด็ดของผู้นำฝ่ายค้าน ที่ไปพลั้งวาจาดูถูกผู้หญิง และรูปแบบโครงการ "สมาร์ท เลดี้" ว่า "แข่งขันหา อีโง่" ...จะด้วยเจตนา หรือคิดเร็วปากไวใช้ปฏิภาณพูดในเสี้ยววินาทีนั้น โดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน วาจาจากปากของคนเป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย่อมไม่เกิดผลดีต่อวงการการเมืองเลยแม้แต่น้อย

นอกจาก "สะใจแม่ยก" ที่หวัง "เอามัน" บนเวทีปราศรัยมากกว่า

แต่กับคนทั่วไปแล้ว กำลังเพ่งมองไปยังผู้นำฝ่ายค้านว่า ได้ประพฤติปฏิบัติตัวสมกับเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพอย่างไรแค่ไหน และเป็นที่พึ่งในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเป็นชิ้นเป็นอันได้หรือไม่

หรือว่า ยิ่งเสียดสี "ดีแต่พูด" ออกมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่ง "เสียค่าโง่" เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

ยังไม่พอ วาทกรรมที่แสดงออก นอกจากกล่าวหาว่าผู้หญิงเป็น "อีโง่" แล้ว ทุกวงการที่ "ไวต่อความรู้สึก" จะวิเคราะห์เจาะลึกไปถึงจิตใจคนที่พูดด้วยว่า ขาดความอบ อุ่น ขาดสติสัมปชัญญะ น่าเชื่อถือน่าศรัทธา และหวังจะให้เป็นที่ไว้วางใจในการฝากอนาคตของประเทศไว้ในกำมือของเขาได้หรือไม่

ความจริงคุณอภิสิทธิ์ เป็นนักการเมืองหนุ่มอนาคตดีคนหนึ่งที่ประชาชนเคยให้ความหวังอย่างมาก แค่ขอให้เป็น "คนดี ซื่อสัตย์" มีวัตรปฏิบัติเป็นตัวอย่างแก่อนุชนรุ่นใหม่ได้ เพราะมีพื้นฐานการศึกษาประชาธิปไตยมาจาก "แม่แบบ" อังกฤษจนดูเหมือนว่า หาใครมาทาบเทียบได้ยากในยุคนี้

ทุกครั้งที่คุณอภิสิทธิ์พูด ผู้คนจะฟังและคล้อยตาม ครั้งที่เคยตำหนินักการเมืองรุ่นพ่อ รุ่นพี่ด้วยข้อคิดและปรัชญาที่นักการเมืองควรประพฤติ เช่น "อย่าว่าแต่ประชาชนเป็นหมื่นเป็นแสนที่เดือดร้อนเลย แม้แต่ประชาชนคนเดียวที่เดือดร้อน รัฐบาลก็ต้องฟัง" ซึ่งวันนั้นผู้นำรุ่นพ่ออย่างคุณสมัคร สุนทรเวช ยังสะอึก...แต่ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคุณอภิสิทธิ์ได้รับโอกาสทองลิ้มลองอำนาจรัฐแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับไม่ฟังไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ร้ายที่ทำให้ประชาชน (สีไหนก็เถอะ) ตายร่วมร้อยศพ ในยุคที่ตัวเองครองเมือง

คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับในฐานะผู้นำรัฐบาลเรื่องใช้ทหาร "กระชับพื้นที่" ไม่ยอมรับในเรื่องใช้อาวุธสงครามสลายผู้ชุมนุม ทั้งที่ทหารติดป้ายชัดเจนว่าเป็น "พื้นที่ใช้กระสุนจริง" แต่แล้วเหตุการณ์ก็นำพาไปให้คุณอภิสิทธิ์ต้องยอมรับกับสื่อต่างประเทศ (บีบีซี) ต่อมาว่า "เราอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงป้องกันตัวเอง"

นานเข้าๆ วาจาที่กำลังจะศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนศรัทธาคล้อยตาม หลายวาระกลายเป็น "หอก" ทิ่มตำคุณอภิสิทธิ์อย่างเจ็บปวด จนมนต์วาจาที่ทำท่าจะขลังมีพลังนำมวลชนให้เดินไปสู่หนทางประชาธิปไตยได้อย่างแข็งแกร่ง ก็ต้องอ่อนยวบไร้ศักยภาพ ไปตามความถี่ที่ทุกครั้งคุณอภิสิทธิ์พูดแล้วผู้คนไม่เชื่อถืออีก

ยิ่งมีกรณีเปรียบเทียบผู้นำที่ค่อนแคะกระแหนะกระแหนคนที่มี "ความเห็นต่าง" เป็นประจำ และ "ค้านทุกเม็ด" กับผู้นำหญิงอย่างคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ซักแอะก็ไม่เคยได้ยินคำตอบโต้เชิงให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม ทำให้ผู้ชายอกสามศอกอย่างคุณอภิสิทธิ์ เสียรังวัดŽ ไปเรื่อยๆ

รุสเวลท์ เคยกล่าวว่า "ไม่มีใครทำให้คุณต่ำต้อยด้อยค่า นอกจากตัวคุณเอง" จึงเริ่มออกฤทธิ์

และเมื่อเห็นอากัปกิริยาที่คุณอภิสิทธิ์พลั้งปากพูดเหน็บแนมผู้อื่นเพราะมั่นใจในวาจาตัวเองมากเกินไป จึงดูเหมือนคุณอภิสิทธิ์จะได้ผลลัพธ์ด้านลบมากเกินคาด ทั้งยังสะเทือนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์เองด้วย ทำให้ผู้คนมองเห็น "ความล้าหลัง" ที่ไม่รู้จัก "ก้าวข้าม" ประเด็นปลีกย่อยจนกลายเป็นทำลายตัวเอง แม้กระทั่งในกลยุทธ์คารมช่ำชองที่ตัวเองมี

ภาษิตตุรกีบันทึกว่า "อาวุธเป็นศัตรู แม้แต่กับเจ้าของของมันเอง"

หรือว่าพฤติกรรมของคุณอภิสิทธิ์และคนใกล้ชิดคิดว่า วาจาคารมที่เป็น "อาวุธร้าย" ทำลายฝ่ายอื่นมาตลอดกำลังจะทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว...หรือรู้ตัวดี แต่คิดว่านั่นคือหนทางที่ดีที่สุดของพรรคนี้แล้ว

มันเลยทำให้เห็นผลพวงที่ผ่านมาได้ชัดและง่ายดายว่า การเมืองนาทีนี้ "หญิงฉลาด หรือ มาร์คโง่ กันแน่?"