เมืองไทยยิ้มรับมหาเศรษฐี ธุรกิจหรูอู้ฟู่ คนไทยแห่เล่นเรือยอชต์ขนาดใหญ่มากกว่าสิบล้านขายดี จัดงานใหญ่โชว์เรือหรู 800 ล้าน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวล่องเรือฟรี ด้านธุรกิจจักรยานสมทบ รุ่นไฮเอนด์มาแรง หลักแสนขายดีเป็นสองเท่าตัว เส้นทางปั่นสุวรรณภูมิฮอต นักปั่นชายหญิงรวมตัวทุกสุดสัปดาห์ นางสุพัตรา อังควินิจวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา ถือเป็นท่าจอดเรือยอชต์มาตรฐานสากลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการจอดเรือทั้งบนบกและในน้ำได้ราว 500 ลำ ทั้งนี้ การใช้บริการเรือยอชต์ทั้งแบบเช่าและการนำเรือมาเอง ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากคนไทยซึ่งหันมาซื้อเรือเป็นของตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่ระดับราคาเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ และหลักสิบล้านบาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องการเรือที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน รวมไปถึงซูเปอร์ยอชต์ที่มีขนาดมากกว่า 80 ฟุต ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น ปัจจุบันมีซูเปอร์ยอชต์เข้ามาจอดที่โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา ประมาณ 20 ลำ จากซูเปอร์ยอชต์ที่เข้ามาในเมืองไทยประมาณ 30-40 ลำต่อปี โดยได้ลงทุนขยายท่าจอดเรือเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มนี้ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา แม้สถานการณ์ทางการท่องเที่ยวในปีนี้จะชะลอตัวไปเมื่อต้นครึ่งปีแรก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มหลักของธุรกิจเรือยอชต์ลดปริมาณลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ปริมาณของคนไทยก็ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าคนไทยที่เข้ามาใช้บริการที่โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา เพิ่มสูงขึ้น จาก 20% เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาเป็น 35% ในปัจจุบัน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 32% เนื่องจากการล่องเรือยอชต์ในเมืองไทยเริ่มเป็นที่แพร่หลาย คนที่เคยซื้อเรือขนาดเล็ก ก็ซื้อเรือขนาดใหญ่ขึ้น และไม่จำเป็นต้องมีเรือของตัวเองก็สามารถเช่าเรือได้ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวด้วยเรือยอชต์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น นับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของพัทยาและสร้างนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูงให้กับเมืองไทย และในปีนี้ได้มีการจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า โบ๊ท โชว์” ในวันที่ 27-30 พฤศจิกายนนี้ ที่โอเชี่ยน มารีน่า ยอชต์คลับ โดยปีนี้ได้ขยายเวลาการจัดงานเป็น 4 วัน คาดว่าจะมีเงินสะพัดทั้งการจับจ่ายและซื้อเรือภายในงานราว 200 ล้านบาท โดยมีไฮไลต์เป็นเรือหรูเข้ามาแสดงในงาน ราคาลำละ 800 ล้านบาท มีการแสดงรถยนต์หรูแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ โรลส์รอยซ์ และแอสตัน มาร์ติน เป็นต้น รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ล่องเรือยอชต์ฟรีอีกด้วย รายงานจาก The Wealth Report ในปีนี้ ระบุว่า จำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือ High Net Worth Individual (HNWI) หรือกลุ่มบุคคลที่มีทรัพย์สินมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ไม่รวมที่อยู่อาศัย) ในเอเชีย มีอัตราเติบโตถึง 89% ตั้งแต่ปี 2546-2556 และคาดการณ์ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 43% ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเอเชียมีจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง แซงหน้าอเมริกาเหนือและเป็นรองแค่เพียงประเทศแถบยุโรปเท่านั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจหรูที่กระเตื้องขึ้นเพราะจำนวนเศรษฐีที่มากขึ้น แต่แนวโน้มของคนที่มีกำลังซื้อระดับกลาง-บน ยังส่งผลต่อธุรกิจด้านท่องเที่ยวและสุขภาพอย่างจักรยาน ซึ่งระบุว่า จำนวนผู้ที่ซื้อจักรยานราคาแพงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางสาวจันทนา ติยวัชรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอล เอ ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดจักรยานในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจักรยานระดับไฮเอนด์ ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนที่เติบโตเป็นเท่าตัวในช่วง 2 ปีนี้ เนื่องจากนักปั่นที่ใช้จักรยานระดับล่าง-กลาง ได้หันมาใช้จักรยานราคาแพงขึ้น เพื่อรองรับประสิทธิภาพในการใช้งาน และการปั่นที่จริงจังมากขึ้น สอดคล้องกับจำนวนของร้านจักรยานในเมืองไทยซึ่งเติบโตขึ้น 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยระดับราคาที่เติบโตมากคือ 7,000-30,000 บาท ขณะที่จักรยานราคาระดับแสนบาท เติบโตเป็น 3 เท่าตัว สำหรับ แอล เอ กรุ๊ป เป็นทั้งผู้ผลิตและเป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานจากต่างประเทศ รวม 38 แบรนด์ และมีการผลิตแบรนด์ไฮเอนด์ในรุ่น อินฟินิท (Infinite) มาแล้ว 4 ปี โดยปีนี้ได้ร่วมกับสิงห์ คอร์ปอเรชั่น สร้างทีมจักรยานระดับโลกสัญชาติไทย ในชื่อ “สิงห์ อินฟินิท” นายคงพันธุ์ ปราโมช ณ อยุธยา ประธานบริหาร บริษัท ไบค์โซน จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า การปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพเป็นกระแสที่มาแรงและจะกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนไทยต่อไป เฉพาะเส้นทางการปั่นจักรยาน ที่สนามบินสุวรรณภูมิมีจำนวนนักปั่นเข้ามาราว 6,000 คน ในวันเสาร์-อาทิตย์ ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงเกือบ 50% แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่แพร่หลายมาก สำหรับไบค์โซน เริ่มต้นนำเข้าจักรยานมา 6 ปี ปัจจุบันเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ 4 แบรนด์ ระดับราคา 1,200-100,000 บาท ทั้งจากญี่ปุ่น แคนาดา และอเมริกา โดยเป็นจักรยานระดับไฮเอนด์ทั้งหมด ซึ่งเน้นที่จักรยานสำหรับการกีฬา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายต้องการจักรยานที่มีสมรรถนะสูง สำหรับการปั่นระยะทางไกล ทั้งนี้สังเกตได้ว่ากลุ่มนี้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองจะเป็นอย่างไร บริษัทยังมีอัตราการเติบโตถึง 2 เท่าตัว ในปีนี้ ในฐานะนักกีฬาประเภทไตรกีฬา ยังมองเห็นกระแสสุขภาพที่มาแรงต่อเนื่อง ไม่เฉพาะการปั่นจักรยานเท่านั้น เพราะรวมไปถึงการวิ่งด้วย สังเกตได้จากรายการกรุงเทพมาราธอนในปีนี้ ซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมจนเต็ม ขณะที่ปีก่อนหน้ายังสามารถเข้ามาสมัคร บริเวณหน้างานได้ ส่วนตัวเลขของผู้ที่เล่นไตรกีฬาในประเทศไทยก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากไม่กี่ร้อยคนเป็น 4,000-5,000 คนในปีนี้ แต่ก็ถือว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้น เนื่องจากรายการการแข่งขันไตรกีฬาในเมืองไทยยังมีน้อย สำหรับตลาดรวมจักรยานในประเทศไทยมีมูลค่าราว 5 พันล้านบาท คาดว่าจะเติบโตเป็น 6 พันล้านบาท ในปีนี้ อีกทั้งมีแนวโน้มของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปั่นจักรยานในเมืองไทยเพิ่มขึ้น ตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกลุ่มปั่นจักรยานราว 260,000 คน สร้างรายได้ 900 ล้านบาท และปีนี้จะเพิ่มเป็น 320,000 คน คิดเป็นรายได้ 1.2 พันล้านบาท และปีนี้ก็มีการจัดงานแสดงจักรยานเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง “อินเตอร์เนชั่นแนล บาง กอกไบค์” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในวันที่ 2-5 ตุลาคม 2557 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 150,000 คน มีเงินสะพัดราว 120 ล้านบาท