เครื่องดื่มเกลือแร่ 6 พันล.เดือด! {apos}สิงห์-คาราบาว-สปอร์ต{apos} โดดชิงเค้ก

วันจันทร์ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เครื่องดื่มเกลือแร่ 6 พันล.เดือด! {apos}สิงห์-คาราบาว-สปอร์ต{apos} โดดชิงเค้ก


คนไทยแห่ออกกำลังกายส่งตลาดเกลือแร่ 6 พันล้านคึกหนัก ค่ายใหญ่อย่าง “สิงห์-คาราบาว” เฮโลร่วมชิงเค้ก งัดกลยุทธ์ฟาดฟันอย่างดุเดือด ขณะที่ค่ายเล็กซุ่มปั้นแบรนด์ท้องถิ่นลุยเจาะแถบอีสานใต้ อัดโปรโมชั่นจับร้านค้าย่อย แง้มแผนเปิดตัวชูกำลังอีกรายการในปีนี้ หลังจากในปีที่ผ่านมาค่าย “สิงห์” ได้กระโดดเข้ามาร่วมวงไพบูลย์ในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ และสร้างสีสันให้กับตลาดไม่น้อย ส่งผลให้ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท ขยับเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีมูลค่า 4,400 ล้านบาท แต่สำหรับปีนี้ตลาดน่าจะมีความคึกคักมีสีสัน และร้อนแรงมากกว่า เพราะค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “คาราบาวกรุ๊ป” ได้กระโจนเข้าร่วม ด้วยการเปิดตัว “สตาร์ท พลัส ซิงค์” เครื่องดื่มเกลือแร่ทางเลือกใหม่สำหรับผู้เสียเหงื่อ ด้วยการชูส่วนผสมหลัก Zinc ดื่มแล้วสดชื่น ดับกระหาย คลายร้อน เจาะกลุ่มคนทำงานกลางแดด นักกีฬา กลุ่มคนออกกำลังกาย นั่นแสดงให้เห็นว่าตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีความน่าสนใจ จนทำให้ค่ายยักษ์ใหญ่อดใจไม่ไหวต้องเข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นเพราะตลาดมีผู้เล่นน้อยราย และมีโอกาสในการทำตลาดมากกว่าเครื่องดื่มประเภทอื่น ตลอดจนการแข่งขันยังไม่รุนแรงมากนัก นอกจากนี้ จากกระแสของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ประกอบกับบ้านเราอยู่ในเขตร้อน ทำให้เสียเหงื่อได้ง่าย ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10-15% เพราะเครื่องดื่มเกลือแร่กลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคในการชดเชยแร่ธาตุ และพลังงานที่สูญเสียไปกับเหงื่อและการออกกำลังกาย แต่ทั้งนี้แม้ว่าจะมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากก็ไม่ได้ส่งผลต่อเจ้าตลาดอย่าง “สปอนเซอร์” ของค่ายกระทิงแดงมากนัก เพราะยังครองส่วนแบ่งถึง 83% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มี 80% ด้วยซ้ำ ขณะที่เบอร์สองอย่างเอ็มสปอร์ตของค่ายโอสถสภา 12.7% เกเตอเรต 3.5% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ อาทิ ซันโว ซินเนอร์จี้ เป็นต้น สำหรับแบรนด์ “ซันโว” ของค่ายสิงห์ จะมีให้เลือก 2 รสชาติ มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติ มุ่งเจาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 70% ส่วน 30% เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ที่ผ่านมาก็ได้มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และใช้ช่องทางจำหน่ายเดียวกับกลุ่มเบียร์ ขณะที่ “สปอนเซอร์” เอง ที่ผ่านมาก็ได้ออกสปอนเซอร์ พลัสบี ผสมวิตามินบี 12 และเปิดตัวกระป๋อง “สลีค แคน” เพื่อรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังช่วยลดขยะที่เกิดจากอะลูมิเนียม รวมถึงนำมารีไซเคิลได้ เพราะสามารถลดความหนาของอะลูมิเนียมที่นำมาใช้ผลิตฝากระป๋อง ทำให้ลดการใช้อะลูมิเนียมน้อยลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับกระป๋องที่มีปริมาตรเท่ากัน นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับกลยุทธ์ ด้วยการเล่นเรื่องไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยได้เจาะกลุ่มนักปั่นจักรยาน เพราะมองว่าเป็นไลฟ์สไตล์มากกว่ากีฬา เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการขี่จักรยานมากขึ้น เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นใน 3 ปีนี้ แต่ยังเกาะฟุตบอลอยู่ เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยปีที่ผ่านมางบการตลาดรวมทั้งปีของ สปอนเซอร์อยู่ที่ 500 ล้านบาท ส่วนน้องใหม่อย่าง “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ของค่ายคาราบาวกรุ๊ป จะมุ่งสร้างให้ผู้บริโภคเข้าใจความแตกต่างของเครื่องดื่มว่าเวลาที่ผู้บริโภคเสียเหงื่อ ร่างกายไม่เพียงแต่เสียน้ำและเกลือแร่เท่านั้น แต่ยังเสียซิงค์ หรือสังกะสี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการประจำด้วย โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนที่ทำงานกลางแดด นักกีฬา และกลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกายได้มีทางเลือกใหม่ ทั้งนี้ วางจำหน่ายในขนาด 250 มล.ราคา 10 บาท จำหน่ายผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น และร้านค้าปลีกทั่วไป รวมถึงผ่านตัวแทนจำหน่ายสินค้าของคาราบาวกรุ๊ปทั่วประเทศ และได้มีการแจกชิมฟรี 1 ล้านขวด ในช่วงเปิดตัว ภายใต้งบการทำตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการรุกตลาดแบบครบวงจร นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด ได้ตั้งเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดในปีแรกไว้ประมาณ 10% และมีเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า สำหรับตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ แบ่งเป็นขวดแก้ว 90% และแบบกระป๋อง 10% ซึ่งมีแต่สปอนเซอร์เจ้าเดียวที่ทำแบบกระป๋อง ส่วนใหญ่จะเป็นแบบขวดแก้วและขวดเพ็ต ขณะเดียวกันก็มีรายเล็กที่อาศัยการทำตลาดแบบป่าล้อมเมืองอยู่อย่างเงียบๆ โดยเริ่มวางจำหน่ายทางอีสานตอนใต้ และบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ นั่นคือ “สปอร์ต” (SPORT) จากทาง บริษัท เครื่องดื่ม สปอร์ต จำกัด โดยมีโรงงานอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ นายทวีศักดิ์ ศรีสุวรรณวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ผู้ปลุกปั้นเครื่องดื่ม “สปอร์ต” เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ได้เริ่มศึกษาตลาดเกลือแร่มาตั้งแต่ปี 2551 และเริ่มวางจำหน่ายอย่างจริงจังในปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากจังหวัดสุรินทร์และพื้นที่ทางอีสานตอนใต้ เช่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และยโสธร เริ่มจากอำเภอเล็กๆ อาศัยการออกแบบขวดให้มีความแตกต่าง เพราะเดิมทีเครื่องดื่มประเภทนี้จะใช้ขวดแก้วเป็นหลัก แต่สปอร์ต จะใช้ขวด PET ที่มีรูปทรงที่แตกต่าง จำหน่ายในราคา 10 บาทเท่ากับเจ้าอื่นๆ แต่กลยุทธ์ที่สำคัญคือการให้ส่วนลดกับร้านค้าและมีของพรีเมี่ยมสำหรับการโปรโมชั่นสะสมฝาเพื่อแลกของรางวัล ซึ่งสามารถจูงใจลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังใช้สื่อวิทยุในท้องถิ่น และป้ายแบนเนอร์โฆษณา ณ จุดขายด้วย “เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้นจึงยังไม่เน้นทำตลาดที่หวือหวา แต่จะค่อยๆ สร้างแบรนด์ไปกับทางร้านค้า โดยอาศัยรถส่งสินค้าพร้อมพนักงานขายไปยังจุดต่างๆ ปัจจุบันมีรถออกพื้นที่ต่างๆ ในต่างจังหวัด 5 คัน กรุงเทพฯ 8 คัน และมีแผนการขยายจำนวนรถอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดจำหน่ายประมาณเดือนละ 10,000 ลัง” นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ในเมืองไทย นับว่ามีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดอยู่อย่างเข้มแข็งแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และยังเป็นการทำตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนั้นยังมีแผนการออกเครื่องดื่มตัวใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังที่ไม่ผสมกาเฟอีน โดยใช้ส่วนผสมจากน้ำองุ่นขาว ชูความเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นที่เหมาะกับคนทุกวัย โดยจะใช้ชื่อว่า “Power Fruite” โดยจะวางจำหน่ายในปลายปีนี้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ