“ดีนี่” ชี้ เด็กเกิดน้อยลงไม่ส่งผลต่อธุรกิจ ลุยเดินหน้าพัฒนาสินค้าขยายฐานจับกลุ่มวัยรุ่น มั่นใจภายใน 2 ปี ดันแชร์พุ่งแตะ 35 %

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

“ดีนี่” ชี้ เด็กเกิดน้อยลงไม่ส่งผลต่อธุรกิจ ลุยเดินหน้าพัฒนาสินค้าขยายฐานจับกลุ่มวัยรุ่น มั่นใจภายใน 2 ปี ดันแชร์พุ่งแตะ 35 %


สุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด  กล่าวว่า บริษัททำตลาดสินค้าอุปโภคตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคเป็นเวลายาวนานถึง 33 ปี  มีแบรนด์และสินค้าที่อยู่เคียงข้างชาวไทยอย่างหลากหลาย เช่น ไฟน์ไลน์ ดีนี่ ทรอส บีไนซ์ และโทมิ เป็นต้น ทั้งนี้ ปี 2564 ที่ผ่านมา “ดีนี่” (D-nee) หนึ่งในแบรนด์สำคัญของบริษัทสามารถสร้างผลงานการเติบโตอย่างโดดเด่น ครองใจคุณแม่นับล้าน จนก้าวเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ในตลาดสินค้าเด็ก ด้วยการครองส่วนแบ่งทางการตลาด 26% เพิ่มจาก 23% ถือเป็นผลงานที่น่าพึงพอใจ ท่ามกลางปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งภายใน 2 ปีตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 35%

สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าเด็กมีมูลค่า 5,200 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาการเติบโตติดลบอยู่ราว 10 % สำหรับแนวโน้มปี 2565 นี้คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว ไม่เติบโตหวือหวาเหมือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ประกอบกับประชากรเด็กเกิดน้อยลง จึงมีผลกระทบต่อตลาดภาพรวม แต่สำหรับปัจจัยบวกคือการที่พ่อแม่ครอบครัวไดที่เลือกจะมีลูกนั้นแปลว่ามีความพร้อมในด้านกำลังทรัพย์จึงส่งผลให้พ่อแม่ในกลุ่มนี้ยังคงใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุด และมองหาสินค้าพรีเมียมมากขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดสินค้าเด็กกลุ่มใหญ่สุดคือหมวดเครื่องใช้ส่วนบุคคลมีสัดส่วนประมาณ 76% ตามด้วยเครื่องใช้ในครัวเรือน 24% โดยแบรนด์ดีนี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวม 26% เพิ่มจาก 23% แบ่งตามรายสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก 71% จาก 68% เป็นเบอร์ 1 ติดต่อกันปีที่ 4 ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก 78% จาก 71% เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันปีที่ 3 และกลุ่มที่ใช้กับผิวพรรณก็เติบโต มีส่วนแบ่งทางการตลาด 13% เพิ่มจาก 11% เป็นต้น

ปัจจุบันอัตราการเกิดของประชากรเด็กลดลงต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว แต่ทางดีนีไม่ได้กระทบกับตลาดสินค้าเด็กมากนัก เพราะพ่อแม่ยุคใหม่ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อลูกน้อยเป็นอันดับแรก และมองหาสินค้าพรีเมียม ยินดีจ่ายแพงเพื่อให้ลูกน้อยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด อีกทั้ง ทางดีนีก็ไม่ได้เพียงโฟกัสอยู่เพียงแค่ตลาดเด็กเล็กแต่เพียงอย่างเดียว แต่เรายังได้พัฒนาสินค้าขยายตลาดไปยังกลุ่มเด็กโตและเด็กวัยรุ่น มากขึ้น” 

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า เราได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อเป็นตัวช่วยในการดูแลเด็ก และยังช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขวางขึ้นได้อีกด้วย เช่น จากสินค้าเจาะกลุ่มเด็กแรกเกิด(Baby) ไปสู่เด็กที่โตขึ้นตามวัยของลูกน้อย เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น สำหรับเด็ก แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในตลาด รวมถึงการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องใช้ส่วนบุคคล ทั้งอาบน้ำ แป้ง โลชั่น ฯลฯ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัย Preteen หรือช่วงก่อนเข้าวัยรุ่น เป็นต้น

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนสินค้าในตลาดมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคไม่เหมือนเดิม พ่อแม่ใส่ใจในการเลือกซื้อสินค้าให้ลูกน้อยมากขึ้น บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดให้สอดคล้องสถานการณ์ โดยการออกสินค้าต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาเป็นอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า สินค้ากลุ่มออร์แกนิค ก็เป็นสินค้าที่เรามุ่งเน้น ซึ่งดีนี่มีการพัฒนาสินค้าในทุกๆ กลุ่มให้เป็นสูตรออร์แกนิค อ่อนโยนจากธรรมชาติ โดยสินค้าที่เราเน้นในปีนี้จะเป็นสินค้า                      ดีนี่ ออร์แกนิค ซากุระ ซึ่งปรับเป็นสูตร 100% ออร์แกนิค อีกด้วย ทั้งนี้เรายังออกสินค้ากลุ่มอื่น เพื่อขยายฐานไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ไม่เพียงแค่เด็กเล็ก แต่มองโอกาสทั้งกลุ่มผู้หญิง คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสและลูกค้าที่มีศักยภาพหรือเป็นคุณแม่ ฐานลูกค้าของดีนี่ได้ในอนาคต” 

ด้าน นภิศา พาชีรัตน์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด  กล่าวต่อว่า บริษัทมีการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์(Brand Awareness) ด้วยการปรับตัวในการทำตลาดให้สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภค การเสพสื่อที่เปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้เวลาดูคอนเทนท์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ติ๊กต๊อก(TikTok) เฟซบุ๊ก(Facebook) อินสตาแกรม(IG) ฯลฯ ขณะเดียวกันดีนี่ยังคงทำแคมเปญการตลาดแบบบูรณาการสื่อด้วยการโฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อโฆษณานอกบ้าน และสื่อ ณ จุดขายต่างๆ พร้อมกับมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ที่เป็น Touch Point กับกลุ่มคุณแม่ ทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านทางกิจกรรมในโรงพยาบาลที่เราทำอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี และผ่าน D-nee Shop ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าของดีนี่ ในห้าง Robinson สาขาแฟชั่นไอซ์แลนด์

พร้อมกันนี้ยังได้ขยายช่องทางจำหน่ายจากออฟไลน์เชื่อมต่อออนไลน์ ตอบไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ที่นิยมช้อปปิ้งด้วยปลายนิ้วเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมอบความคุ้มค่าด้านราคาเพื่อให้คุณแม่ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และการมีลอยัลตี้โปรแกรมให้ลูกค้าสะสมแต้มเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผ่านช่องทาง Line Official : DneeThailand ที่มีฐานสมาชิกกว่า 120,000 ราย และขายผ่าน E-commerce Platform ต่างๆ ภายใต้ชื่อ NeoDealDDShop และ D-nee Official Store ซึ่งมียอดเติบโตอย่างมากในช่องทางออนไลน์ในปี 2021 โตกว่า 171%

ส่วนแนวทางการทำตลาดปี 2565 เพื่อรักษาการเป็นผู้นำอย่างแข็งแกร่ง บริษัทยังมุ่งมั่นนำเสนอสินค้าคุณภาพออกสู่ตลาด โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น กลุ่มผลิตภัณฑ์อาบสระสำหรับเด็กเล็ก Organic Sakura Series เป็นฮีโร่โปรดักซ์ เนื่องจากเป็นสูตรอ่อนโยน ช่วยตอบโจทย์กลุ่มคุณแม่ที่ต้องการความอ่อนโยนที่สุดให้กับลูกน้อย การใช้กลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ต่อยอดความแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์ ที่เป็นตัวแทนครอบครัวรุ่นใหม่อย่าง “มิว” นิษฐา - “เซนต์” ธราภุช คูหาเปรมกิจ และ “น้องมาริน เป็นพรีเซนเตอร์ ถือว่าเป็นพ่อแม่ที่ทันสมัย ตรงกับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์  อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้งพรีเซนเตอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำและกลุ่มผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม สูตรเข้มข้น โดยเลือกครอบครัว “ป๊อก” ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์, “มาร์กี้” ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ และ น้องมิก้า-มิญ่า ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวดีนี่ได้อย่างดี

จากแผนงานดังกล่าว บริษัทตั้งเป้ายอดขายของดีนี่ในปี 2565 ไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้นราวว 20% จากปี 2564 มียอดขาย 2.9 พันล้านบาท โต 10% ส่วนแผนระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้าต้องการผลักดันให้   ดีนี่เป็นผู้นำตลาดสินค้าออร์แกนิคสำหรับเด็กครอบคลุมทุกหมวดหมู่



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ