นาย จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ปีนี้ไฮเออร์ (ประเทศไทย) มุ่งผลักดันยอดขายสู่ 1 หมื่นล้านบาท โดยทิศทางธุรกิจใน 1-3 ปีข้างหน้า บริษัทยังคงมุ่งเน้น Ecosystem Brand Strategy ที่ทำให้ผู้บริโภคสะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และบริการของไฮเออร์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เช่น ซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน ติดตั้งสินค้าฟรี ชำระเงินสั่งงานและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายด้วยสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน“อยู่ดี (Yudee)” เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมให้เหมาะสมตามความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
ด้าน ธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไฮเออร์ได้ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาทจัดกิจกรรมมากมายเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี ที่ดำเนินธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งงานฉลองครบรอบ 20 ปีที่จัดขึ้นนี้ Exclusive Dinner รวมทั้งกิจกรรม TikTok Hashtag Challenge ที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุก พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมายจากไฮเออร์ และการจัดโปรโมชั่นแคมเปญหน้าร้านค้าทั่วประเทศกว่า 300 ร้านค้า เพื่อเป็นการขอบคุณคู่ค้าและลูกค้าที่ให้การสนับสนุนมาตลอด 20 ปี อีกทั้ง ในปีนี้ ไฮเออร์จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และพันธมิตรคู่ค้า ผ่านการจัดกิจกรรมโร้ดโชว์เพื่อส่งเสริมการขายไปยังร้านค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมถึงการปรับปรุงหน้าร้านค้าให้มีภาพลักษณ์สวยงาม ชูความเป็นนวัตกรรม และการจัดงาน “Dealer Conference” ในช่วงปลายปี ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์กับเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ ปูทางสู่การสร้างยอดขายให้เติบโต
พร้อมกับอีกหนึ่งไฮไลต์คือในไตรมาสที่ 3 นี้บริษัทจะเปิด Haier Flagship Store ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งมีพื้นที่กว่า 344 ตารางเมตรเพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากผลิตภัณฑ์และบริการของเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ ส่วนกลยุทธ์การทำตลาด จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศไฮเออร์4 รุ่น ,ตู้เย็นไฮเออร์ใหม่กว่า 25 รุ่น ทั้งรุ่นมัลติดอร์ และรุ่น 2 ประตู เครื่องซักผ้าไฮเออร์ เพิ่มสินค้ารุ่นฝาหน้า 4 รุ่น และสินค้ารุ่นฝาบน 3 รุ่น ต่อด้วยตู้แช่ไฮเออร์ เพิ่มไลน์ตู้แช่ไวน์ขนาดเล็ก และกลุ่มไฮเอนด์ ทีวีไฮเออร์ จะเปิดตัวรุ่น OLED และ HQLED 4K TV ที่จอแสดงภาพได้เสมือนจริง โดยเสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 17 รุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก มีสินค้าใหม่ 34 รุ่น เช่น เครื่องชงกาแฟ และ เครื่องดูดควัน เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ และเครื่องครัวไฮเออร์ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ บริษัททุ่มงบการตลาดกว่า 850 ล้านบาทเพื่อทำกิจกรรมการตลาดครบวงจร 360 องศา ทั้งโฆษณาโทรทัศน์ วิทยุ สื่อนอกบ้าน (OOH) และสื่อออนไลน์ โดยดึง KOLs (Key Opinion Leaders) ที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ มาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ และที่ขาดไม่ได้นั่นคือกลยุทธ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่มีการดึง “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ไฮเออร์ (ประเทศไทย) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์แก่ผู้บริโภคต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปี 2565 ไฮเออร์ตั้งเป้ายอดขาย 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขายรวม 4,337 ล้านบาท (คาดเติบโต 39%) โดยแบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ไฮเออร์ 450 ล้านบาท (คาดเติบโต 50%) ,ตู้เย็นไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 2,040 ล้านบาท (คาดเติบโต 22%) ,เครื่องซักผ้าไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 1,514 ล้านบาท (คาดเติบโต 30%) ,ตู้แช่ไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 972 ล้านบาท (คาดเติบโต 23%) ,ทีวีไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 673 ล้านบาท (คาดเติบโต 64%) ,เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 233 ล้านบาท (คาดเติบโต 31%) ,เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 298 ล้านบาท (คาดเติบโต75%) และ เครื่องครัวไฮเออร์ คาดการณ์เป้าหมายยอดขาย 66.9 ล้านบาท (คาดเติบโต 102%)
สำหรับ แบรนด์ “Candy (แคนดี้)” จะออกสินค้าโมเดลใหม่ๆ เข้าทำตลาดมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงาน เจนวายและเจนซี โดยสินค้าไฮไลต์ ได้แก่ ตู้แช่ และ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งจะบุกหนักช่องทางขายทั้งออนไลน์ และร้านค้าขายปลีก เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโต 24% หรือมูลค่า 600 ล้านบาท”
ด้าน วรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอยู่ดี บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเออร์ได้ปั้นโมเดลธุรกิจ “Yudee Live Life Smarter” หรือ “อยู่ดีมีสไตล์ อยู่สบายแบบสมาร์ท” ซึ่งเป็นโครงการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน 0% ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่สามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลากหลายหมวด โดยมีดีลเลอร์เข้าร่วมโครงการแล้ว 80 ราย และจะขยายเพิ่มให้ได้ 200 รายทั่วประเทศโดยมีกิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรมออฟไลน์ และกิจกรรมออนไลน์
“สำหรับเป้าหมายยอดของธุรกิจอยู่ดีวางไว้ตั้งแต่ 2565 - 2567 โดยปี 2565 คาดว่าจะมีผู้ใช้แอปพลิเคชันแตะ 58,000 ราย สร้างรายได้ 338 ล้านบาท เติบโต 338 % จากปีก่อน ปี 2566ผู้ใช้งาน 120,000 ราย รายได้แตะ 700 ล้านบาท และปี 2567 ผู้ใช้งาน 200,000 ราย รายได้แตะ 1,200 ล้านบาท”