หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดตัว 2 DR ใหม่ "NASDAQ 100" -DR "STAR 50" อิง ETF ที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เน้นลงทุน ETF หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำสหรัฐฯ-จีน เปิดจองซื้อ IPO 26-27 เมษายนนี้ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว DR จำนวน 2 ตัวใหม่เพื่อเปิดโอกาสการลงทุนในกองทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯและจีน ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยสกุลเงินบาท หลังประสบความสำเร็จอย่างดี จากการเสนอขาย DR “E1VFVN3001” ที่ลงทุนในกองทุนรวม ETF อ้างอิงดัชนี VN30 และ DR “DIAMOND” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี VN DIAMOND ของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
สำหรับ DR 2 ตัวใหม่ อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ประกอบด้วย 1. DR "NASDAQ 100" ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ "NDX01" โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC NASDAQ 100 ETF (3086.HK) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี NASDAQ 100 ของสหรัฐฯ ออกโดย China Asset Management (Hong Kong) Limited โดยดัชนี NASDAQ 100 ประกอบด้วยหุ้นชั้นนำขนาดใหญ่ 100 บริษัทของตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ที่มีความมั่นคงและมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งมีน้ำหนักการลงทุน 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี 50%, กลุ่มสื่อสาร 17% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 15%
2. DR "STAR 50" ใช้ชื่อย่อในการซื้อขาย “STAR5001” มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Premia China STAR50 ETF (3151.HK) ลงทุนอ้างอิงดัชนี STAR 50 ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีนวัตกรรมของจีนที่มีศักยภาพในการเติบโตของกำไรสูง เช่น ธุรกิจ Cloud, AI, 5G, Semiconductor, Biotech EV, New Energy และ Industry IoTฯลฯเป็นกองทุน ETF ที่ออกโดย Premia Partners ซึ่งดัชนี STAR 50 มีน้ำหนักการลงทุนหลักใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมแรก คือ กลุ่มไอที 60.6%, กลุ่มเฮลธ์แคร์ 14.8% และกลุ่มอุตสาหการ 10.1%
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า จุดเด่นของ DR "NASDAQ 100" ประกอบด้วย 1. ได้ลงทุนใน NASDAQ 2.สร้างโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย อาทิ หุ้น Apple,Microsoft และAlphabet รวมถึงหุ้นชั้นนำอย่าง Tesla หรือ Starbucks 3. สามารถลงทุน DR ที่อ้างอิง ETF หุ้นสหรัฐฯ ได้ในเวลาซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยได้ราคาเรียลไทม์แบบไม่มีพักกลางวัน และ 4. มูลค่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไร
ส่วนจุดเด่นของ DR "STAR 50" เช่น 1. โอกาสในการลงทุนหุ้นใน STAR Board หรือกระดาน STAR ของจีนมีศักยภาพเติบโตสูง เปรียบได้กับการลงทุนใน NASDAQ ย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยเป็นหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำของจีน เช่น หุ้น SMIC ผู้ผลิตชิปอันดับ 1 ของจีน 2. ก้าวข้ามข้อจำกัดในการลงทุนหุ้น A share ในประเทศจีน โดยลงทุนผ่านการลงทุนใน DR 3. สามารถซื้อขาย DR ที่อ้างอิง ETF หุ้นจีนได้ในเวลาซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยได้ราคาเรียลไทม์แบบไม่มีพักกลางวัน และ 4. มูลค่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไร โดยเฉพาะราคาที่ได้ปรับลงในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ DR ทั้ง 2 ตัว จะเปิดให้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงจองซื้อ IPO ผ่าน www.bualuang.co.th ตั้งแต่วันที่ 26-27 เมษายน 2565 ซึ่งผู้จองซื้อจะต้องชำระเงินค่าจองซื้อตามจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน โดยจะได้รับการจัดสรรจำนวนหน่วย DR ตามราคาเฉลี่ยของราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ผู้ออกตราสารซื้อได้ รวมค่าธรรมเนียมในการซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทจะประกาศราคา IPO (Final Price) ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวงให้ทราบหลังจากนั้น (ราคาโดยประมาณของ DR "NASDAQ 100" และ DR "STAR 50" ณ วันที่ 4 เมษายน 2565 คิดเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ 12.16 บาทต่อหน่วย โดยอัตรา 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 10 DR และ 35.16 บาทต่อหน่วย โดยอัตรา 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 1 DR ตามลำดับ)
ด้านนายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส หลักทรัพย์บัวหลวง กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงน่าสนใจ สะท้อนจากผลตอบแทนดัชนี NASDAQ100 ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 19.70% เมื่อเทียบดัชนี S&P500 ที่อยู่ระดับ 14.60% ต่อปี นอกจากนั้นในปี 2565 ดัชนี NASDAQ100 ยังมีค่า Forward P/E ระดับ 25.5 เท่า โดยคาดการณ์กำไรปีนี้อาจเติบโตถึง 29% ทำให้มีสัดส่วน PEG ต่ำกว่า 1 เท่า และมีหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของโลกจดทะเบียนอยู่หลายตัว เช่น Microsoft, Apple, Nvidia, Amazon และ Adobe เป็นต้น
ขณะที่ผลตอบแทนดัชนี STAR50 ที่มี 50 หลักทรัพย์ชั้นนำที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ 7.14 แสนล้านหยวนจีน ประมาณ 3.77 ล้านล้านบาท และสภาพคล่องสูง จดทะเบียนอยู่ในตลาด STAR Board โดยในปี 2564 ดัชนี STAR 50 สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ที่ 0.4% เมื่อเทียบดัชนีฮั่งเส็งที่ติดลบ 16% เป็นผลมาจากหุ้นในดัชนี STAR 50 ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบของทางการจีนน้อยกว่า ขณะที่ในแง่ของค่า Forward PEG ก็ถือว่าน่าสนใจ หลังมี Forward P/E ปี 2565 ที่ระดับ 30 เท่า และในปีนี้อาจมีกำไรเติบโตประมาณ 37%