Toggle navigation
วันเสาร์ ที่ 21 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
2 ล้านล้าน Vs ไทยเข้มแข็ง
2 ล้านล้าน vs ไทยเข้มแข็ง
วันเสาร์ที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก
โครงการฝ่ายค้านก็พูดเป็นตุเป็นตะไปก่อนแล้วว่า โกงบ้าง ตรวจสอบไม่ได้บ้าง กู้แล้วคนไทยเป็นหนี้ยาวนาน 50 ปีบ้างสร้างความหวาดกลัวแบบเห็นผีร้ายกำลังจะสูบเลือด ทั้งๆ ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาผี
ดีครับ...ที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจนำเสนอโครงการไทยเข้มแข็ง 2020 ออกมาแสดงในเชิงสร้างสรรค์เสียบ้าง มันดีกว่าบท "ตลกร้าย" ที่ได้แสดงในสภาห้วงหนึ่ง ซึ่งตรึงตาผู้คนทั่วแผ่นดินจนกลายเป็นประวัติศาสตร์แห่งความอัปยศเป็นไหนๆ
แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์จะออกท่ายื้อแย่งว่าฝ่ายไหนลอกโครงการของใครกันแน่กันพอหอมปากหอมคอบ้างก็ตาม
ไอ้เรื่องที่จะคิดตรงกันบ้าง ต่างกันบ้างสำหรับโครงการเพื่อบ้านเมืองถึงยังไงมันก็หนีการลอกเลียน หรือต่อยอด หรือคล้ายๆ กันไม่พ้น แต่มันอยู่ที่ว่า เมื่อฝ่ายไหนนำเสนอแล้ว เมื่อถึงภาคปฏิบัติต่างหากมันจะพิสูจน์กันได้ว่า ใครมีฝีมือเหนือกว่ากัน
เพียงแต่อยากตั้งข้อสังเกตถึงพรรคประชาธิปัตย์หน่อยว่า ถ้าพรรคมั่นใจว่าโครงการไทยเข้มแข็ง 2020 เป็นโครงการที่ดี ทำไมไม่นำเสนอมาตั้งแต่ตอนหาเสียง เลือกตั้งใหญ่
เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยเสนอโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ทำไม พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่หยิบโครงการไทยเข้มแข็ง 2020 มาเปรียบเทียบให้ประชาชน ได้พิจารณาเลือกว่าของใครดีกว่ากัน
ต่อเมื่อรัฐบาลเสนอเข้าสภาจะผ่านมติรับรอง 3 วาระอยู่รอมร่อแล้ว ถึงเพิ่งคิด ได้ว่า ต้องเอาโครงการของตัวเองมาเกทับ
จะมองว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นโจทย์เห็นคำตอบของฝ่ายตรงข้ามหมดแล้ว จึงได้มาคิดว่าโครงการของตัวเองดีกว่าได้หรือไม่...เหมือนนักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ที่มีหัวเรื่องคล้ายๆ กัน แต่คนหนึ่งดันไปอ่านแนวคิดของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน ก็เลยปรับเปลี่ยนของตัวเองให้ดูดีมีประสิทธิภาพ ประหยัด และครอบคลุมส่วนอื่นๆ ได้มากกว่า
เป็นใคร ใครก็ทำได้!
แต่บังเอิญโครงการไทยเข้มแข็งฉบับ "น้ำจิ้ม" ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นตู้หยอดเหรียญกดน้ำพลังแสงอาทิตย์ โครงการสร้าง 396 โรงพัก "เอาเถิดเจ้าล่อ" จนโรงพักทั่วประเทศต้องทุบของเก่าทิ้งและสร้างทดแทนไม่ทันดันประจานให้เห็นฝีมือการคิด การตัดสินใจที่ผิดพลาดของรัฐบาลประชาธิปัตย์มาแล้ว
จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าโครงการไทยเข้มแข็งฉบับ 2020 มันจะไม่ฉาวโฉ่อีก
ผิดกับโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่เน้นโครงสร้างพื้นฐานของการคมนาคมระบบรางที่นอกจากยังไม่ทันใช้เงินบริหารโครงการ ฝ่ายค้านก็พูดเป็นตุเป็นตะไปก่อนแล้วว่า โกงบ้าง ตรวจสอบไม่ได้บ้าง กู้แล้วคนไทย เป็นหนี้ยาวนาน 50 ปีบ้าง
สร้างความหวาดกลัวแบบเห็นผีร้ายกำลังจะสูบเลือด ทั้งๆ ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาผี
ทำให้นึกถึงรัฐบาลทหารในอดีตที่กอดคอสหรัฐฯ แล้วสร้างภาพผีคอมมิวนิสต์จากจีนให้ชั่วร้ายเหมือนกองทัพหุ่นยนต์ดาหน้าจะมาเขมือบแผ่นดินไทยให้ผู้คนกลัวกันลนลาน ผมเองในสมัยนั้นยังแหยงเพราะโฆษณาชวนเชื่อที่เว่อร์เกิน...แต่จีน (แดง) ที่ เราได้สัมผัสจริงเมื่อได้คบค้ากันแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่รัฐบาลยุคนั้นปลุกระดม
เดี๋ยวนี้เราคบจีนแผ่นดินใหญ่จนลืมไปแล้วใช่ไหมว่า เขายังเป็นจีนที่เป็นคอมมิวนิสต์อยู่
ทำให้นึกถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งลงทุนสร้างทางรถไฟในยุค 100 ปีก่อน ความจริงก็ใช้เงินมหาศาลสำหรับยุคนั้น เพราะบ้านเมืองยังมีถนนน้อยมาก ประชาชน จึงได้พึ่งพาระบบรางเดินทางไกลไปทั่วทุกภาค เปรียบได้เหมือนเป็นหนี้เพราะลงทุนก่อสร้างทางรถไฟไปนานเหมือนกัน แต่ผลประโยชน์ไม่ได้เกิดเพียงเพราะกำไรจากค่าโดยสารหรือค่าขนส่งอย่างเดียว...มันต้องคิดถึงประโยชน์ที่ได้จากความสะดวกของการเดินทางทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางธุรกิจ การค้า ท่องเที่ยว การลงทุนใหม่ๆ ตามเส้นทางรถไฟด้วย
ระบบรางไม่ได้ล้าสมัย แต่ต้องพัฒนาให้ทันยุคทันสมัย เช่นในปัจจุบันระบบราง ก็ต้องทำให้รวดเร็วกว่าระบบถนน บริการดีกว่า และเกิดประโยชน์จากเส้นทางที่รถไฟ ความเร็วสูงผ่าน ด้วยย่านธุรกิจทุกแขนงแห่งใหม่ๆ ในต่างจังหวัดที่ขณะนี้ถนนหนทาง มีปัญหาจราจรคับคั่งมาก (เห็นชัดช่วงเทศกาล) ไม่อาจสร้างความสะดวกคล่องตัวได้ เลย เพราะรถราหลายล้านคันไม่มีถนนให้วิ่งสบายเหมือนเก่าอีกแล้ว
เมื่อรัฐบาลเดินหน้ามาถึงขนาดนี้ แล้วฝ่ายค้านก็เพิ่งจะแสดงวิสัยทัศน์ว่าโครงการ ของตัวเองดีกว่า ก็ลองใช้วาจาคารมหว่านล้อมให้ประชาชนได้พิจารณาว่าน่าเชื่อถือมาก น้อยแค่ไหน และชาวบ้านควรจะเลือกวิธีการทำงานของฝ่ายใดดีกว่ากัน
ที่เห็นๆ มา ฝ่ายรัฐบาลได้แสดงบทบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และตัดสินใจได้รวดเร็วกว่า (ถ้าไม่เพราะถูกขัดขวางด้วยกลเม็ดทางกฎหมาย และตีรวนป่วนให้ล่าช้า อย่างไม่เข้าท่า) โดยเฉพาะตัวผู้นำรัฐบาลอดทนอดกลั้นต่อการค่อนแคะกระแหนะกระแหน ไม่เคยผรุสวาทด้วยคำหยาบหรือบ่อยครั้งถูกด่าอย่างสาดเสียเทเสีย ก็ไม่ปริปากโต้ตอบ นอกจากทำ ทำ ทำเพื่อให้ได้ผลงานมากที่สุด
ผิดกับอีกฝ่ายที่เคยเป็นใหญ่คับฟ้ามาแล้ว ทั้งพร้อมเพราะวัยที่หนุ่มแน่น แต่เอาเข้าจริงกลับแสดงภาวะผู้นำและนักบริหารที่นอกจาก "ไม่เข้าตา" แล้ว ยัง "ดีแต่พูด" แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ...แม้โครงการจะดีเลิศ ถ้า "มือไม่ถึง" เสียแล้ว จะทำประโยชน์ให้ประชาชนได้สักเสี้ยวของฝ่ายพูดน้อย แต่ผลงานดีกว่ามั้ยเนี่ย?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ