โต๊ะข่าวการเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

ลายกันยายนต่อเนื่องตุลาคม มรสุมน้ำลายการเมืองอาจท่วมสภา พลังมวลชนเดือดระอุกับมาตรฐานยุติธรรมการเคลื่อนไหวแต่ละฝ่ายอำนาจจะก่อหวอดรุนแรง

นักโหรศาสตร์กางดวงเมืองทำนายว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ่อนแรง ส่ออาการหมดอำนาจ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอำนาจของพรรคเพื่อไทยทำนายลัดฟ้าข้ามทะเลว่า ฝ่ายต่อต้านมีเป้าหมายล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคม

6 ตุลาคม 2519 กลุ่มขวาจัดสุดโต่งก่อหวอดล้อมขบวนการนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คาวเลือดเต็มสนามบอล นักศึกษาตายเป็นเบือ แล้วทหารยึดอำนาจและตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 8 ตุลาคม

หรือรหัส 8 ตุลาคม จะกลายเป็นวัฏจักร อาถรรพ์ หวนกลับมาฉุดพัฒนาสังคมให้ย้อนกลับไปตั้งต้นใหม่เมื่อ 37 ปีที่แล้ว

ย่อมมีร่องรอยให้เดา คาดการณ์ และประเมินสถานการณ์ในเดือนตุลาคมปีนี้อย่างยิ่งยวด

สถานการณ์เดือนตุลาคมเริ่มงวดเข้าทุกขณะ เมื่อปัญหาทางการเมืองและการบริหารประเทศถูกรวมศูนย์อยู่ที่อำนาจชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญในหลากหลายเหตุปัจจัย

ร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ผ่านทั้งสภาล่างและวุฒิสภา แต่ถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า "ขัดรัฐธรรมนูญ" ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้า เพราะรอการตัดสิน ของศาล

ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาวุฒิสมาชิก ต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในข้อหา "ล้มการปกครอง" ตามมาตรา 68 วรรคแรก

ร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านสภาล่างไปสู่วุฒิสภาพิจารณาแน่นอน ต้องถูกพรรคประชาธิปัตย์ และวุฒิสรรหาจ้องเล่นงาน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกว่า ขัดรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน ในต้นตุลาคม การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับ ในประเด็นแก้มาตรา 68 มาตรา 190 และมาตรา 237 จะทยอยพิจารณาในรัฐสภา

การต่อสู้ต้องเดือดปุด น้ำลาย โวหารต่อต้านผสมอารมณ์เถื่อนดิบจากประชาธิปัตย์และวุฒิสรร หาคงก่อหวอดระราน ระอุสภา

เหตุปัจจัยเหล่านี้ รวมอยู่ในมิติเดือนตุลาคม และเป็นการวัดใจการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญว่า จะยึดพวกหรือรักษาอนาคตสังคม

นั่นเป็นการสะท้อนถึงรหัส เปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้น แต่ทุก การเปลี่ยนแปลงล้วนไหลมาถล่มรัฐบาล ราวกับมวลน้ำลายเพิ่มปริมาณพ่น ขากถุยใส่ให้ประชาธิปไตยเน่าเหม็น

ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิด ขึ้น คงอยู่ใน 3 แนวทางเท่านั้น คือ ทหาร ยึดอำนาจ หรือนายกรัฐมนตรีสั่งยุบสภา หรืออยู่ๆ กันไป

โอกาสไม่เกิดอะไรขึ้นเลย อยู่ที่นายกรัฐมนตรีใช้จุดแข็งมาประคองเสถียรภาพรัฐบาล คือ อดทนแล้วใช้ความอ่อนโยนมาเป็นอาวุธอันเข้มแข็งเพื่อปกป้องประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม แม้กางปฏิทินการเมืองแล้วเห็นเกมเดือดในเดือนตุลาคมอย่างห่วงใย แต่ตุลาคม 2556 แตกต่างจากปีไหนที่ผ่านมา

ตุลาคมปีนี้ พลังมวลชนเติบโต เข้มแข็งขึ้น กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปช. อยู่ในอาการพร้อมเคลื่อนไหวพิทักษ์รัฐบาลและปกป้องประชาธิปไตย

เพียงแค่เป่านกหวีด แดงย่อมออกมาเคลื่อนไหวทั่วหล้า บัดนี้เสียงเตือนจากแกนนำ นปช.เริ่มเข้มขึ้นทุกขณะ รอแค่เสียงนกหวีดเท่านั้น ทุกอย่างก็ระอุ

ตุลาคมปีนี้ มวลชนไม่ได้เป็นฐานรองรับอารมณ์แบ่งพวกของศาลรัฐธรรมนูญ แต่พร้อมผนึกกำลังเคลื่อนไหวกดดันศาลรัฐธรรมนูญได้ทุกขณะ

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่ง่ายๆ เหมือนเก่าอีกแล้ว แต่เป็นพลังอารมณ์ ที่พร้อมพลิกเปลี่ยน

ที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้เสมอ

รวมทั้งเป็นไปได้ในสมการเลขคณิตทางสังคม เช่น 1-4=0 ย่อมต้องใส่ใจถอด รหัสในความไม่แน่นอน แต่อาจเป็นไปได้เสมอ

รวมความแล้ว ตุลาคมปีนี้เกมการ เมือง ร้อนแรงจริง แต่การเปลี่ยนแปลงที่คาดหวัง จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว

เพราะทุกสิ่งไม่มีการหยุดนิ่ง ต้องเปลี่ยนแปลงเสมอตามเหตุปัจจัยกำหนด

ขณะเดียวกัน เหตุปัจจัยใหม่ในเดือน ตุลาคมนี้ ทำให้อารมณ์ของพรรคเพื่อไทยและท่าทีฝ่ายรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นเดียวกัน

เปลี่ยนจากอาการ "กลัว" ไปสู่อารมณ์ "ลุย" เดินหน้าวัดดวงเกมการเมืองให้ยุติไปตามเงื่อนไขหน้าที่กำหนดไว้

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรมว.กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งแกนนำรัฐบาลหลายคนประกาศไปแนว ทางเดียวกันว่า เดินหน้าลุยในเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องไม่หวาดหวั่น

นี่คือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ใหม่

และสถานการณ์เช่นนี้ อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องตั้งสติ วินิจฉัยปัญหาการเมืองอย่างลึกซึ้ง

การนำเงื่อนเวลามาเล่นเกมขึงพืดเพื่อถ่วงเวลาและวัดใจรัฐบาลให้ "กลัว" นั้น ไม่ใช่ยุทธวิธีที่จะนำมาตีกินได้ง่ายๆ อีกแล้ว