“ไทยยูเนี่ยน” ชี้ ปีนี้ศึกหนัก อัตราเงินเฟ้อ-วิกฤตโควิด-น้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น 7 % ลุยต่อตามแผนสู่เป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 %

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

“ไทยยูเนี่ยน” ชี้ ปีนี้ศึกหนัก อัตราเงินเฟ้อ-วิกฤตโควิด-น้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น 7 % ลุยต่อตามแผนสู่เป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 %


นายธีรพงศ์  จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 38,501 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 15.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากธุรกิจอาหารทะเลแช่งแข็งและแช่เย็นที่ฟื้นตัวในสหรัฐอเมริกา ภายหลังมาตรการป้องกันโควิด-19 มีการผ่อนคลายและร้านอาหารและโรงแรมเริ่มทยอยเปิดให้บริการ  นอกจากนี้ยอดขายจากหน่วยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจเพิ่มมูลค่ายังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้กำไรสุทธิของไทยยูเนี่ยนในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาทะยานขึ้นถึง 32.5 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 1,930 ล้านบาท แม้จะประสบสภาวะการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็ตาม

สำหรับยอดขายธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีเติบโต 4.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าด้วยการปรับขึ้นราคาขายสินค้า ส่วนยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นเติบโตขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ จากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ในขณะที่ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้าเพิ่มมูลค่าเติบโตขึ้นถึง 27.2 เปอร์เซ็นต์จากความต้องการสินค้าที่สูงขึ้นมากและฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการตลอดทั้งปี ไทยยูเนี่ยนสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรสุทธิเติบโต 28.3 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับ 8,013 ล้านบาท  ยอดขายเพิ่มขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 141,048 ล้านบาท  ส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.9 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 25,727 ล้านบาท

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด นอกจากไทยยูเนี่ยนจะบริหารธุรกิจให้ผ่านวิกฤตไปได้แล้ว ทีมผู้บริหารยังมองถึงการพัฒนาธุรกิจให้มีแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางวิกฤตโควิด แต่ไทยยูเนี่ยนยังมองไปยังอนาคต โดยมีการลงทุนกลยุทธ์ทั้งในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเร่งการเติบโตในอนาคต  ไทยยูเนี่ยนยังได้ตั้งบริษัท ไทยยูเนี่ยน ไลฟ์ไซเอนซ์ จำกัด ขึ้นเพื่อเข้ามาดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ส่งตรงถึงผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเร็ว

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2565 นี้อย่างที่เราทราบกันไม่ว่าจะเรื่องน้ำมันแพง ข้าวของที่ปรับราคาสูงขึ้นที่เกิดขึ้น แน่นอนทางเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกันในเรื่องของต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มองว่าเราน่าจะปรับตัวได้ในเรื่องดังกล่าว คิดว่าลูกค้าคงเข้าใจเพราะขณะนี้ทุกอุตสาหกรรมก็มีการหันมาปรับราคาสินค้ากันบ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้เราทำการปรับราคาสินค้าขึ้นไปบ้างแล้วประมาณ 7% ในส่วนของธุรกิจรับจ้างการผลิต (OEM) ในการปรับราคาเพิ่มในแต่ละออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งมาในรอบใหม่นี้ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจไทยยูเนี่ยนในปีนี้เราตั้งเป้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 5 % ภายใต้เงินลงทุนที่วางไว้ 6 พันล้านบาท โดยยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจโดยมุ่งเน้นในเรื่องอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นและธุรกิจใหม่ที่เพิ่มมูลค่า เช่น ส่วนประกอบอาหาร อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและโปรตีนทางเลือก เพื่อให้สอดรับกับตลาดที่เติบโตเร็วในธุรกิจเหล่านี้  อีกทั้งจะมุ่งเน้นในการพัฒนาสินค้าในรูปแบบอินโนเวชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก

ในปี 2565 นี้ แม้ว่าจะยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกคน ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การแพร่ระบาด ห่วงโซ่อุปทาน การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ไทยยูเนี่ยนจะยังเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานให้ได้ดีเหมือนปีที่ผ่านมา นายธีรพงศ์กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ