นิด้าบ่งหนองประชานิยมแนะรัฐบาลเปิดใจก้าวข้ามวิกฤติ

วันพุธที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นิด้าบ่งหนองประชานิยมแนะรัฐบาลเปิดใจก้าวข้ามวิกฤติ


ในงานเสวนา "นิด้าชี้ทิศเศรษฐกิจการเมืองไทย โค้งสุดท้ายปี 56" ในส่วนของภาคการเมือง "ศ.ดร.นิสดารก์ เวชยานนท์" คณบดี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มองโค้งสุดท้ายการเมืองไทยถึงปัญหาที่รัฐบาลจะต้องผจญกรรมเก่าไว้ว่า

การเมืองอยู่ในสภาพที่ผันผวน ตอนนี้หากจะมองการเมืองคงต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือการเมืองในสภา และการเมืองนอกสภา

หากดูจากพื้นที่ข่าวตอนนี้ประเด็นที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นน้ำท่วม ทั้งที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังเป็นเรื่องของม็อบยางพารา อยู่ และตอนนี้ก็มีเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับการเมืองในสภาต้องยอมรับ ว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งมาก มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สามารถคุมได้ใน ทุกๆ ด้านทั้งเสียงในสภาเพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และสามารถคุมเสียงของฝ่าย วุฒิสภาได้ด้วย คุมทหารคุมตำรวจ แต่ที่สำคัญ ที่สุดคือรัฐบาลชุดนี้สามารถคุมสื่อได้!

ส่วนนอกสภารัฐบาลยังสามารถคุมเสียงของประชาชน โดยการใช้นโยบายในการหาเสียงจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก

ถ้าเราดูในสภาจะเห็นได้ว่ารัฐบาลเพิ่ง แถลงผลงานที่ผ่านมาจบไป พร้อมผลักดันรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ส.ในวาระที่ 3 ส่วนในเรื่องของ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านก็เรียบร้อยผ่านวาระที่ 3 ไปเรียบร้อย เหลือ แต่ขั้นตอนในวุฒิสภาซึ่งคิดว่าถ้ารัฐบาลผ่าน 2 เรื่องนี้ได้ การจะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

ในการประเมินกำลังตัวเองของรัฐบาล ซึ่งมองว่าไม่น่าจะมีปัญญาทำอะไรได้ นอกจาก ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถ่วงเวลา และตอน นี้ที่เด่นๆ ในศาลรัฐธรรมนูญก็น่าจะเป็นคดีที่ 40 ส.ว.ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 68 คือให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขที่มาของ ส.ว. ว่าชอบธรรมหรือไม่ เพราะคล้ายคลึงกับที่มาของ ส.ส. แต่โดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้วใน 2 ส่วนนี้ไม่ควรจะมีที่มาเหมือนกัน แต่ตอนนี้รัฐบาล พยายามจะให้มันออกมาในรูปแบบเดียวกัน ทำให้ส.ว.ต้องไปยื่นเรื่องกับศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับกรณี 2 ล้านล้านบาทพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่า พ.ร.บ.นี่ขัดกับบทบัญญัติกับรัฐธรรมนูญ.. รัฐบาลมีความชอบธรรมหรือไม่ที่จะกู้ยืมเงินมาใช้นอก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี เพราะจริงๆ แล้วการใช้เงินตาม พ.ร.บ.มันสามารถที่จะตรวจสอบได้ แต่ถึงจะตรวจสอบ ได้เราก็ยังพบว่าประเทศไทยติดอันดับของการคอร์รัปชั่น และศาลรัฐธรรมนูญก็รับเรื่องไว้แต่ก็ยังไม่มีคำวินิจฉัยอะไรออกมา

สำหรับ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 จะผ่านความเห็นชอบของสภาแล้วทั้ง 2 สภาแต่รัฐบาลก็ต้องรอที่จะนำทูลเกล้าฯ แต่ก็ต้องชะลอไว้เพราะมีคนไปฟ้องกับศาลรัฐธรรมนูญว่า พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราที่ 27 กรณีที่จัดสรร เงินงบประมาณให้กับองค์กรอิสระ คือคณะ กรรมการศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการศาลยุติธรรมที่ไปของบประมาณแล้วไม่ได้รับการจัดสรรซึ่งเป็นการพยายาม กดดันรัฐบาลเพราะทำอย่างอื่นไม่ได้ก็ต้องถ่วงเวลาโดยอาศัยการรอตีความของศาลรัฐธรรมนูญ

ตรงนี้เป็นเรื่องเกมการเมืองในสภา ซึ่ง แต่ละฝ่ายไม่สามารถจะสู้กันได้ เราจะเห็นว่า หลังๆ ประชาธิปัตย์จะเล่นเกมรุนแรงมาก

ในมุมนอกสภา เราจะเห็นว่ารัฐบาลเข้ามาด้วยแรงสนับสนุนของประชาชน โดยใช้นโยบายที่เอาใจประชาชนหรือที่เราเรียกว่านโยบายประชานิยม ตั้งแต่บ้านหลังแรก ก็จะเป็นเรื่องลดหย่อนภาษี รถคันแรก ปรับค่าแรง 300 บาทและเห็นว่าจะมีการปรับเพิ่มเป็น 400 บาท เร็วๆ นี้เพราะดูแล้วแค่ 300 บาท คงไม่พอ มาถึงปรับเงินเดือนพื้นฐานปริญญาตรี 15,000 บาทต่อเดือน แต่ที่ส่งปัญหามากที่สุดคือ "โครงการรับจำนำข้าว" ซึ่งเป็นโครงการที่นักวิชาการเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นของนิด้า TDRI หรือสถาบันอื่นทักท้วงมากที่สุดเสียง ที่จะทำให้เสียวินัยทางการคลัง และเท่าที่ผ่านมา 2 ปีที่นี่ขาดทุนไปแล้ว 6 แสนล้านบาท สนามบินสุวรรณภูมิใช้งบประมาณในการสร้าง 1 แสน 2 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นถ้าขาดทุน 2 ปี 6 แสนล้านเท่ากับเราสามารถสร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้ 4 สนามบิน และที่สำคัญคือโครงการนี้เหมือนขี่หลัง เสือ หากมีการยุติโครงการชาวนาไม่มีทางยอมแน่เพราะเขาได้ผลประโยชน์และจะออกมาประท้วง แม้ภายในปีนี้รัฐบาลยังแบก รับอยู่ได้ แต่ในปีต่อไปจะไหวหรือไม่?

ม็อบสวนยางตอนนี้ยังไม่ลงตัว ม็อบข้าวโพดเริ่มคืบคลานเข้าปิดถนน ศาลากลางที่น่าน และแพร่ เดือนหน้าเตรียมตัวรับม็อบลำไย และทุกม็อบมาด้วยเงื่อนไขเดียวกัน คือเขาเป็นเกษตรกรเหมือนกันกับ ชาวนา ฉะนั้นการช่วยเหลือก็ต้องช่วยเหมือนๆ กัน ถ้าไม่ช่วยก็อย่างที่เห็น ปิดถนน!!..ป่วนเมือง!!..

แล้วถ้าเป็นแบบนี้รัฐบาลจะอดทนได้มากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าปีหน้าคงจะเห็นผลกับสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปเงินที่ต้องใส่ลงไปเพิ่มอีก

โดยฐานของรัฐบาลเองแล้วจะมั่นคง กว่านี้อีกมากถ้ารู้จักฟังคนอื่นบ้าง ไม่คิดทำตามอำเภอใจจนเกินไป ถ้ารัฐบาลยึดหลักตามทํานองคลองธรรม ทั้งที่โดยพื้นฐานแล้ว รัฐบาลได้เปรียบทุกอย่างสุดท้ายถ้าศาลรัฐบาลตีความให้รัฐบาลมีความผิดตามมาตรา 68 เต็มที่คงให้รัฐบาลหยุดการปฏิบัติหน้าที่ลง แต่คงไม่เปลี่ยนรัฐบาลแค่เอาคนอื่นในพรรคเพื่อไทยขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน แต่รัฐบาลจะปวดหัวมากขึ้น บ้านเราไม่ได้สอนคนให้มีจิตสาธารณะ ทุกคนคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองสุดท้ายบ้านเราก็จะเหมือนสเปนที่ไม่มีเงินจ่ายหนี้ รัฐบาลจะผ่านไตรมาสที่ 4 ไปถึงปีหน้าได้รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน แก้ไขปัญหาปากท้องก่อนที่จะเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อะไรต่ออะไรแต่เอาประชาชนเป็นหลักรัฐบาลก็จะอยู่ได้

นั่นเป็นมุมมองทางการทำงานของรัฐบาลเท่าที่ผ่านมารวมถึงทางรอดเพื่อฝ่าไปให้ได้ถึงโค้งสุดท้ายของปีก่อนที่จะเข้าสู่ปีหน้า


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ