กอ.รมน.โชว์ผลงาน 1 ปีชายแดนใต้เอาอยู่!

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กอ.รมน.โชว์ผลงาน 1 ปีชายแดนใต้เอาอยู่!


กองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาแก้ปัญหาความเปราะบางของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการ ซึ่งต้องยอมรับว่าเท่าที่ผ่านมาโครงการต่างๆ บรรลุถึง เป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้า ศูนย์ประชาสัมพันธ์, โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงถึงสถานการณ์เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้โดยรวมตลอดระยะ เวลา 1 ปีที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ในจังหวัด ชายแดนภาคใต้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เริ่มจากภาพรวมของความรุนแรงในพื้นที่ยังคงปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่องในห้วงปี 2556 มีจำนวนการก่อเหตุร้ายลดลง แต่มีการใช้ระเบิดมากขึ้น ทำให้การสูญเสียยังทรงตัวใกล้เคียงกับห้วงปี 2555 การเกิดเหตุรุนแรงส่วนใหญ่เกิดบนถนน 67% เขตชุมชน 24% และอื่นๆ 9%

กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากความ รุนแรงมากที่สุด คือ ราษฎรทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลามที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ตามด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสัดส่วนการเสียชีวิตระหว่างประชากรไทย พุทธกับไทยมุสลิมอยู่ที่ 4:1

ในด้านการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เมื่อวันที่ 28 ก.พ., 28 มี.ค., 29 เม.ย. และ 13 มิ.ย.2556 ได้รับความสนใจ มีทั้งเสียงสนับสนุนและมีผู้ไม่เห็นด้วย มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเครือข่ายนักศึกษา มีการแสดงความเห็นร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยกับกลุ่มผู้เห็น ต่างจากรัฐในการลดเหตุร้ายในห้วงเดือนรอมฎอน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางกลุ่มในพื้นที่ ปฏิเสธกระบวนการพูดคุย ทำให้สถานการณ์ ในห้วงเดือนรอมฎอนปีนี้ พบว่าการก่อเหตุ รุนแรงทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเดือนรอมฎอนมีจำนวนเฉลี่ยสูงมากกว่าห้วง 3 ปีที่ผ่านมา

การรักษาความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และภัยแทรกซ้อน ได้เข้าดำเนิน การต่อเป้าหมายพื้นที่และบุคคล เพื่อควบคุมพื้นที่ และจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง ผลการปฏิบัติ ปะทะ 37 ครั้ง ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 45 คน, ถูกควบคุมตัว 5 คน และมอบตัว 2 คน ตรวจยึดอาวุธปืนได้จำนวน 215 กระบอก พร้อมยึดกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิด และอื่นๆ เป็นจำนวนมาก สามารถทำลายความพยายาม ในการก่อเหตุด้วยระเบิด 116 ครั้ง

มีการบูรณาการกำลังร่วม 3 ฝ่ายเพื่อดำเนินการต่อธุรกิจผิดกฎหมายที่สนับสนุนและเกื้อกูลต่อการก่อเหตุรุนแรง ที่สำคัญได้แก่ น้ำมันเลี่ยงภาษีและยาเสพติด โดยได้ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งยึดของกลางน้ำมันเลี่ยงภาษี จำนวน 92,876 ลิตร และยาบ้าจำนวน 1,378,600 เม็ด

สำหรับการป้องกัน ได้ให้ความรู้และ รณรงค์ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมตามโครงการวัด, มัสยิดสานใจป้องกันภัยยาเสพติด จำนวน 65 วัด 629 มัสยิด และโครงการญาลันนันบารู ซึ่งมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว 21,100 คน นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงเรียนสุขอนามัยห่างไกลยาเสพติด 82 โรงเรียน

สำหรับในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโครงสร้างพื้นฐาน ได้จัดชุดแพทย์ และชุดทันตกรรมเคลื่อนที่, หมอเดินเท้า รวมถึงการจัดชุดแพทย์ออกให้บริการร่วม กับเครือข่ายพยาบาลรักบ้านเกิด มีประชาชน เข้ารับบริการ 85,463 คน

ส่วนผู้ด้อยโอกาส ได้จัดทำโครงการ 1 หมวด 1 โครงการให้การช่วยเหลือผู้ป่วย, ผู้พิการ, ผู้สูงอายุ, สตรี และเด็กที่ขาดโอกาสการเข้าถึงบริการ เช่น การซ่อมแซม บ้านเรือนให้จำนวน 1,450 หลัง, มอบรถเข็นให้กับผู้พิการ, มอบจักรยานให้เด็ก และ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการไปแล้ว 162 โครงการ

เรื่องของการส่งเสริมรายได้ มีการส่งเสริมศูนย์การเรียนรู้ประจำตำบล ให้ความรู้แก่ราษฎรเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มทำดีมีอาชีพ จำนวน 286 กลุ่ม กลุ่มสตรีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ จำนวน 56 กลุ่ม ขยายผลเข้าสู่วิสาหกิจชุมชน จำนวน 30 กลุ่ม และเปิดร้านค้า ทำดีมาร์ทประจำอำเภอ ทั้ง 37 อำเภอ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพต่างๆ

การอำนวยความยุติธรรม มีการขับเคลื่อนการปฏิบัติตาม มาตรา 21 แห่ง พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ) ได้ดำเนินการตามกระบวน การเรียบร้อยแล้ว 3 ราย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งหน่วยงานได้แสวงประโยชน์ใช้เป็นวิทยากรแนะนำให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์ ปัจจุบัน มีผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ จำนวน 1 ราย

ด้านสิทธิมนุษยชนและสร้างความเข้าใจ ได้มีการจัดอบรมเพิ่มพูนความรู้ด้าน กฎหมายและด้านสิทธิมนุษยชนให้กับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และได้จัดวิทยากรการเมืองเคลื่อนที่ให้ความรู้แก่ประชาชน ด้วยการเปิดเวทีชาวบ้านมากกว่า 100 ครั้ง ส่งผลให้ประชาชนออกมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงและแจ้งข่าวสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และไม่มีเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นประเด็นสำคัญ

โครงการ "ประชาร่วมใจทำความดีเพื่อแผ่นดิน" ได้จัดการอบรมเรียบร้อยแล้ว 10 รุ่น โดยมีผู้เข้ารับการอบรม 570 คน หลังจบการอบรม ได้พัฒนาสัมพันธ์และติดตามพฤติกรรมผู้เข้ารับการอบรมอย่างใกล้ชิด

สำหรับการเสริมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่และนอกพื้นที่นั้น ได้ปฏิบัติการข่าวสารและประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อในพื้นที่และสื่อส่วนกลาง ได้แก่ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และการใช้สื่อแบบพบปะ โดยเข้าพูด คุยกับพี่น้องประชาชน ผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชนโดยตรง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนมีความเข้าใจและลดความหวาดระแวงต่อกัน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐให้มากขึ้น

ด้านการสร้างสภาวะที่เกื้อกูลต่อการ แสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง มีการจัดทำแผนงาน "พาคนกลับบ้าน" เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยได้แบ่งมอบบัญชีเป้าหมายให้กับหน่วยเฉพาะกิจจังหวัด รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้บุคคลผู้มีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ออกตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) จำนวน 942 คน หมาย ป.วิอาญา (ออกตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) จำนวน 1,407 คน และไม่มีหมายอีกจำนวนหนึ่ง ให้เข้ารายงานตัวแสดงตน

ปัจจุบันได้มอบหมายให้ "ศูนย์ปฏิบัติ การอำเภอ" เป็นหน่วยรับรายงานตัวและอำนวยความสะดวก ขณะนี้มีผู้เข้ารายงาน ตัวจำนวน 983 คน โดยได้ดำเนินกรรมวิธีช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว 648 คน และอยู่ระหว่างดำเนินการ 335 คน

อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนชาว ไทยเชื่อว่าในปีงบประมาณ 57 นี้ทางกองทัพโดยเฉพาะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าจะมีการพัฒนาพื้นที่เปราะบางให้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้นจนนำไปสู่สันติภาพในที่สุด


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ