Toggle navigation
วันเสาร์ ที่ 21 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
อายพม่า?
อายพม่า?
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก
ไม่กี่วันก่อน ผมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในกัมพูชา ที่จบลงไปด้วยพันธะสัญญาของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านร่วมแสดง "ความต่าง" ในรูปแบบ สันติวิธี และใส่ใจต่อความยุติธรรมกันมากขึ้น อันเป็นหนทางที่เห็นได้ว่ากัมพูชามีพัฒนาการทางการเมืองที่ดีกว่าเมืองไทย และเคยมีประสบการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เดียวกันอย่าง โหดเหี้ยมเป็นล้านศพมาแล้วในอดีต
ขณะที่บ้านเรายังก้าวสู่โหมดขัดแย้งรุนแรง หาทางบรรเทายังไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความ เจริญทางวัตถุได้ก้าวข้ามการเมืองไปไกลโขแล้ว แต่สังคมการเมืองก็ยังไม่รู้สึกว่า เป็น ตัวการถ่วงความเจริญที่สำคัญ
กัมพูชาและลาวจึงมีศักยภาพทางการเมืองที่มั่นคงกว่าไทยตามฐานานุรูปของแต่ละประเทศ
ปรากฏว่า เมียนมาร์ หรือประเทศพม่าเดิม ที่เราคิดว่ายังยึดอยู่กับเผด็จการทหารไปอีกนาน กลับตาลปัตรแบบ 360 องศา เลิกปฏิวัติในแบบสั่งรถถังยกกำลังทหารออกมายึดอำนาจเหมือนบ้านเรา แต่ประกาศว่าจะพลิกแผ่นดินเมียนมาร์ให้เป็น ประชาธิปไตยอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างกติกาใหม่ดึงต่างชาติเข้าไปร่วมพัฒนาที่นั่นให้ เป็นมาตรฐานมากขึ้น
สัญญาณที่ส่งออกไปทั่วโลกคือ การปล่อยนางอองซาน ซูจี "หญิงเหล็ก" นักต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสา นานเกือบ 20 ปีที่พิชิตความแข็งกร้าวของกองทัพเมียนมาร์ได้สำเร็จ และต่างร่วมมือกันประคับประคองประเทศให้ทั่วโลกไว้เนื้อเชื่อใจ และมั่นใจว่า เมียนมาร์เปิดประเทศจริงๆ แล้ว
ความจริงถ้าเราย้อนรอยไปดูการเมืองในอดีตของพม่ายุคหลังได้รับอิสรภาพจาก อังกฤษ พม่าเคยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มียุทธศาสตร์ทางการเมืองเหนือ กว่าไทยหลายขุม ถึงขนาดองค์การสหประชาชาติยอมรับนายอู ถั่น เป็นเลขาธิการมาแล้วยุคหนึ่ง
ไทยเสียอีกที่ยังไม่เคยได้สัมผัสกับตำแหน่งที่ทรงคุณค่าในองค์การใหญ่ของโลก นี้มาเลย
แค่ระดับผู้จัดการการค้าระหว่างประเทศที่เรียกว่า อังแท็ด ยังต้องถูกแบ่งปันให้ชาติอื่นไปนั่งเป็นผู้จัดการร่วมฝ่ายละครึ่งเทอมด้วยซ้ำ
เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาหมาดๆ รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาร์เดินทาง ไปประกาศที่สหรัฐอเมริกา เชิญชวนให้นักลงทุนชาวสหรัฐฯ รีบเดินทางไปเมียนมาร์ให้ เร็วๆ หน่อย เพราะที่นั่นมีทรัพยากรธรรมชาติแร่ธาตุสมบูรณ์พร้อมที่จะผลิตอะไรขาย อะไรก็ได้ตามที่นักลงทุนต้องการ โดยเมียนมาร์ได้กำหนดกติการองรับให้เกิดความสะดวก ต่อนักลงทุนต่างชาติเต็มที่
อย่าว่าแต่สหรัฐฯ เลย นักธุรกิจจากทั่วโลกก็ "วิ่งหน้าตั้ง" รีบไปช่วงชิงโอกาสที่เมียนมาร์เปิดให้
เปรียบเทียบการเมืองไทยกับเมียนมาร์แล้วเห็นได้ชัดว่า บ้านเรามีแต่ "ทรงกับทรุด" เพราะความขัดแย้งซึมลึกเขากระดูก เล่นการเมืองแบบสุดโต่งรักใครเกลียดใคร ก็แสดงอาการโกรธเกลียดเหมือนคนต่างเผ่า และร่ายความแค้นใส่กันคล้ายคนขาดสติ...ในขณะที่การเมืองเมียนมาร์มีแต่รุดหน้าแบบก้าวกระโดด จนแทบไม่เห็นร่องรอย เผด็จการที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ
เมื่อเจาะลึกลงไปอีกนิด จะเห็นกุศโลบายที่ชาญฉลาดในการหลบหลีกมหาอำนาจ อย่างน่าสนใจ เนื่องเพราะระหว่างพม่าปิดประเทศอยู่นั้น พม่าได้พึ่งพาสาธารณรัฐ ประชาชนจีนอย่างเต็มกำลัง ทำให้จีนแผ่อิทธิพลเข้าไปครอบคลุมทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในพม่าอย่างเหนียวแน่น ถ้าใครเดินทางไปสัมผัสชายแดนพม่า-จีนจะเห็นว่า จีนได้ขยายธุรกิจเข้าพม่าอย่างกว้างขวางและแทรกแซงธุรกิจชายแดนรุกเข้าไปในพม่า อย่างฝังราก
การเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศให้ทุกชาติทั่วโลกเข้าไปลงทุน ค้าขายแบบ "ไม่อั้น" จึงเสมือนเป็นการดึงศักยภาพของชาติอื่นๆ เข้าไปคานอำนาจทางธุรกิจและเป็นพลังต่อรองทางการเมืองโดยไม่พึ่งพามหาอำนาจเจ้าใดเจ้าหนึ่งอย่างผูกขาด ซึ่งอาจเป็นอันตรายในภายภาคหน้าได้
การเปิดประเทศของเมียนมาร์ ทำให้ภาคเอกชนไทยได้อานิสงส์ในการทำการค้า กับเพื่อนบ้านได้มหาศาลไม่เป็นรองใคร
แต่มองในมุมพัฒนาการทางการเมืองแล้ว ไทยก็ยังต่ำต้อยด้อยค่า ขณะที่เมียนมาร์มีแต่รุดหน้า ก้าวกระโดดในอัตราส่วนที่ไม่อาจเปรียบกันได้
เมื่อหันมองไปรอบตัวบนแผ่นดินแหลมทองผืนนี้แล้ว น่าอนาถกับบ้านเราเสียจริง
เราน่าจะ "อายพม่า" บ้าง และสำนึกพิจารณาตัวเองให้ดีว่า เรากำลังรั้งท้าย แพ้เพื่อนบ้าน...ชาติอื่นอดทนเหมือนเต่าตั้งใจคลาน แต่เมืองไทย "หนุกหนาน" เยี่ยงกระต่ายที่ไร้เดียงสาจริงหรือไม่?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ