"พีทีจี เอ็นเนอยี -PTG" เปิดแผน 5 ปี (65-69) มุ่งสร้าง Co-Create Ecosystem จาก 8 ธุรกิจเมกะเทรนด์ สนับสนุนการเติบโต หวังดันกำไร Non-oil แตะ 50% ในปี 69 ส่วนปีนี้ตั้งเป้า EBITDA โต 15-20% วางงบลงทุน 3-4 พันล้านบาท เน้นขยายสาขา พร้อมส่งบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า แผนธุรกิจ 5 ปี (2565-69) มีเป้าหมายทรานฟอร์มธุรกิจจากธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non oil) เป็นธุรกิจแบบสร้างเครือข่าย (Co-Create Ecosystem) จาก 8 ธุรกิจหลักที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโต ประกอบด้วย
(1) ธุรกิจน้ำมันและแก๊ซ (2)ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (3)ธุรกิจ Retail แบบที่เป็น Offline to Online (4)ธุรกิจขับเคลื่อนยานยนต์โลจิสติกส์และซัพพลายเชน (5)ธุรกิจซ่อมบำรุง (6)ธุรกิจสุขภาพ ทั้งกายและใจ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย(7)ธุรกิจ Digital Platform ทั้งการเงินและ Lifestyle และ (8)พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เป็น“เมกะเทรนด์” ของโลกในอนาคต และเป็นธุรกิจที่จะสนับสนุนให้กำไรจากธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 69
สำหรับการขยับธุรกิจสู่ Co-Created Ecosystem ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร คาดหวังว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้าจะสามารถสร้าง Touchpoint ให้เพิ่มขึ้นเป็น 268,202 Touchpoint ได้ แบ่งเป็นธุรกิจน้ำมัน 2,694 Touchpoints และ Non-oil 265,508 Touchpoint จากปีนี้ที่มี Touchpoint ธุรกจิน้ำมัน 2,114 จุด มาทั้งจาก Offline to online และอื่นๆ เช่น พาทัวร์ 200,000 Touch point และคาดว่าจะมีร้านค้าที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตร 60,000 โชห่วย ร้านกาแฟ 3,000 สาขา รวมถึง Platform partners ต่างๆ มีการ Redeem แต้มสูงถึง 10,000 ล้านแต้ม และมีจำนวนสมาชิก 30 ล้านสมาชิก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์โดยเป็นผู้ใช้งานบนออนไลน์ 25%
นอกจากนี้ จะมีการเชื่อมโยงสู่บริการอื่นๆ ที่ประกอบด้วย บริการทางด้านการเงิน (financial service) เช่นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet, lending), auto insurance และ lifestyle app เช่น พาทัวร์ และในอนาคต PT ไม่ได้ทำธุรกิจเฉพาะในประเทศเท่านั้นแต่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศ หรือจะก้าวส่การเป็น Global Company
ส่วนปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของ EBITDA จะอยู่ที่ 15-20% ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันยังเติบโต 8-12% จากสิ้นปีก่อนปริมาณจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 5,020 ลิตร อัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG อยู่ที่ 50-60% ส่วน Non-Oil ยังคงมุ่งมั่นในการขยายสาขา อย่างต่อเนื่องเพราะ ถือเป็นKey driver สำคัญของบริษัท คาดว่ารายได้ธุรกิจ Non-oil จะเติบโตขึ้น 80-90%
และปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท ในการลงทุนขยายสาขา แบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG จำนวน 80-100 สาขา ธุรกิจ Non-Oil Touchpoint ประมาณ 1,572 สาขา
บริษัทยังคงมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-oil ให้เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัท คาดว่าจะใช้งบลงทุนธุรกิจนี้ ปีละ 1,500-2,000 ล้านบาท จะขยายผ่านสาขาและ Touchpoint รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตร หรือร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ หรือการเข้าลงทุนในบริษัท Startup โดยทุกธุรกิจทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้ Max World ที่มีสมาชิกกว่า 17 ล้านคนเพิ่มจากปีก่อนอยู่ที่ 14.5 ล้านคน และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน
ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 4,000-5,000 ล้านบาท และมีความพร้อมในการขยายการลงทุน
ส่วนแผนการนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงดำเนินการตามแผน โดยกลุ่มธุรกิจแก๊ส LPG อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ที่ PTG ร่วมถือหุ้น 40% คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้