ยกพลประชิดทำเนียบ กลับถูกขังกรงกลางถนน

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ยกพลประชิดทำเนียบ กลับถูกขังกรงกลางถนน


วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

เพียงแค่รัฐบาลเผลอหรือเป็นแผนล่อม็อบออกจากสวนลุมพินี ยังไม่ชัดเจน แต่ที่แน่ๆ กองทัพประชาชนได้ฉวยโอกาสช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปต่างประเทศ เคลื่อนพลน้อยนิดมาประชิดทำเนียบรัฐบาลทันที

กำลังพลกองทัพประชาชนผสมกองทัพธรรมจากสำนักสันติอโศกประมาณ 300 คนเศษ ภายใต้การนำของ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และนายไทกร พลสุวรรณ ย้ายจากสวนลุมพินีมาปิดประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้านเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลก เมื่อสายวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา

พล.ร.อ.ชัย ประกาศเป้าหมายมา ชุมนุมหน้าทำเนียบว่า ต้องการประท้วงรัฐบาลที่ยื่นทูลเกล้าฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาวุฒิสมาชิก เพราะมีเจตนาละเมิดสถาบัน ด้วยเหตุนี้จึงชุมนุม ให้รัฐบาลยุติพฤติกรรมนั้นเสีย

ก่อนหน้านี้...

ม็อบกองทัพประชาชนปักหลักชุมนุมที่สวนลุมพินีมาตั้งแต่สิงหาคม คนกลุ่มนี้ต้องการก่อหวอดมวลชนเพื่อล้มรัฐบาล โดยใช้รหัสต่อสู้ว่า "โค่นระบอบทักษิณ" แต่พวกเขาแทบไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเท่าที่ควรนัก

นานวันเข้า ม็อบกลุ่มนี้เงียบหาย ไร้พลังมวลชนมาสนับสนุน คงมีแต่การ สร้างความฮือฮาด้วยการนำนักศึกษาอาชีวะมาสมทบสร้างความดุดัน น่ากลัว จนประชาชนถอยหนี ไม่เข้าร่วมชุมนุม

คงมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่า นั้นให้ความสำคัญกับม็อบกลุ่มนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปรียบเปรยว่า เป็น "ม็อบตังทอน" หมายความว่า มีกลุ่มทุนจ้างให้จัดม็อบและจ้างคนมาชุมนุม

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เช่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส. พัทลุง และนางกัลยา โสภณพนิช นำ ส.ส.กทม.มาให้กำลังใจ พร้อมกับขึ้นเวทีปลุกพลังให้ต่อสู้ล้มรัฐบาลต่อไป

จากสวนลุมพินีเมื่อสิงหาคม ยืนหยัดชุมนุมจนเข้ากันยายน แล้วมาถึงต้นตุลาคม พวกเขาจึงย้ายทัพมาข้างทำเนียบรัฐบาล

ม็อบกองทัพประชาชนยกระดับเคลื่อนพลมาปิดประตูเข้าทำเนียบรัฐบาลได้ 1 ประตู จากประตูทางเข้าทั้ง หมด 4 ประตู โดยแกนนำประกาศปักหลักชุมนุมข้างทำเนียบยืดเยื้อ ตั้งเวทีโจมตี สร้างความรำคาญให้รัฐบาลอยู่ข้างทำเนียบไปเรื่อยๆ

แปลความว่า ม็อบกลุ่มนี้ทิ้งฐานที่มั่นเดิม ไม่กลับไปชุมนุมที่สวนลุมพินีอีกแล้ว พวกเขาต้องการมาปั่นสถานการณ์ให้ "สุกงอม" ข้างทำเนียบราวกับรอกำลังจากกลุ่ม 40 ส.ว.และพรรคประชาธิปัตย์มาสมทบ

แต่การนำมวลชนเพียง 300 คน มาปิดประตูได้ 1 ประตู ย่อมไม่อาจสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลจำนนในสิ่งที่ม็อบต้องการได้

ตรงกันข้ามม็อบกลับเป็นฝ่ายถูกกำลังตำรวจจำนวน 15 กองร้อย ล้อม กรอบทุกทิศทาง ไม่ให้คนเข้า ไม่เปิดทางให้ออก ราวกับถูก "คุมขังกลางถนน" ตากแดด ตากฝน ให้เหี่ยวแห้งอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น

จะกลับสวนลุมพินี ก็กลับไม่ได้เพราะฐานที่มั่นถูกรื้อถอน ตำรวจเข้ายึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ

จะปักหลักอยู่ข้างทำเนียบก็กดดันรัฐบาลไม่ได้

แม้ประกาศยกระดับบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเหมือนกลุ่มพันธมิตรทำในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช กับรัฐบาลชุดของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่กำลังน้อยนิดเช่นนี้ขืนบุกเข้าทำเนียบ ก็คงถูกปราบ แยก สลายกันง่ายๆ แน่

ขณะนี้ตำรวจเล่นแผนไม่ใช้กำลังเข้าปราบ เข้าแยกสลาย เพียงล้อมกรอบทุกทิศทาง เพื่อให้ม็อบยอมจำนนเอง

มองในเชิงกลยุทธ์ นี่เท่ากับเป็นแผนล่อเสือออกจากสวนลุมพินี ให้มาติดกรง ขังในเมืองอะไรทำนองนั้น

เพราะขณะนี้ ตำรวจได้ล้อมม็อบไว้ทุกด้านตั้งแต่เวลาทุ่มยี่สิบของคืนวันที่ 7 ตุลาคม

ตำรวจ อ้างว่าเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่เกิดจากผู้ไม่หวังดีภายนอกเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ

แต่จริงๆ แล้วมันคือ การสร้างกรงขังของตำรวจ ล้อมกรอบกดดันม็อบ ป้องกันการเข้าสมทบ งดเยี่ยม งดเสบียงอาหารที่จะเข้ามาเสริม

เสร็จเลยม็อบกู้ชาติ อุตส่าห์ยกระดับ เคลื่อนพลเข้าสู่เมืองเพื่อตีฐานกำลังรัฐบาล แต่กลับมาถูกขังแห้งเหี่ยว กลางถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบ

สถานการณ์ต่อสู้ยังไม่สุกงอม แต่พลังของม็อบเริ่มใกล้สุกจากเปลวแดดเผาและเกือบละลายไปกับสายฝนเดือนตุลาคม


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ