ประเทศเวียดนาม หรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในปัจจุบันไม่ต่างจากบ่อน้ำมันที่เฝ้ารอกลุ่มนายทุน หรือผู้ทำธุรกิจ ทั่วทุกมุมโลกมาขุดมาโกย
เวียดนามในปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุด ประเทศหนึ่ง ซึ่งหากเปรียบคงไม่ต่างจากพื้นทะเลสีครามที่สงครามทางธุรกิจยังไม่ดุเดือดเท่าประเทศอื่นๆ
นี่เป็นการเปรียบเปรยถึงสงครามด้านธุรกิจ แต่หากจะเอ่ย ถึงสงครามที่แท้จริง หรือสงครามที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อของผู้คนประเทศเวียดนาม กลับเพิ่งผ่านพ้นด้วยระยะเวลาเพียง 38 ปีเท่านั้น
ผู้อ่านคงทราบดีว่า เวียดนามต้องกลายเป็นประเทศที่สงบ จากสงครามเพียงเมื่อไม่นานมานี้ ในยุคล่าอาณานิคมของกลุ่ม ประเทศมหาอำนาจ นั่นคือ ฝรั่งเศส
ซึ่งหลังจากฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่เวียดนามและถูกขับไล่ออกจากประเทศ ในปี พ.ศ.2497 โดย "โฮจิมินห์" บุรุษที่ชาวเวียดนามนับถือให้เป็นยอดวีรบุรุษ ผู้ทำให้เวียดนามได้รับอิสรภาพ
ต่อมากลับเป็นสหรัฐอเมริกาและชาวเวียดนามในภาคใต้ บางส่วนที่ไม่ต้องการรวมตัวกับรัฐบาลของโฮจิมินห์ และได้ก่อตั้งดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง คือ สาธารณรัฐ เวียดนาม (เวียดนามใต้) มีเมืองหลวงคือ ไซ่ง่อน (โฮจิมินห์ ในปัจจุบัน) ใช้เส้นละติจูดที่ 17 องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนาม ส่วนเหนือใต้การปกครองของโฮจิมินห์ (เวียดนามเหนือ)
สิ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเวียดนามจนกลายเป็น ที่เล่าขานถึงความโหดร้ายของสหรัฐอเมริกา และความเข้มแข็ง รักชาติของคนเวียดนามมาถึงปัจจุบัน
สหรัฐอเมริกาแสดงแสนยานุภาพของกองทัพอย่างเต็มขีดความสามารถ แต่ด้วยความรักชาติทำให้เวียดนามสามารถขจัดกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของอเมริกา ขับไล่ผู้รุกรานออก จากแผ่นดินเกิดของตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
โดยข้อมูลที่น่าสนใจชี้ให้เห็นว่า สงครามเวียดนามเป็น สงครามที่มีคนเสียชีวิตมากที่สุด เจ็บมากที่สุด สูญหายมากที่สุด และระเบิดที่สหรัฐอเมริกานำมาโปรยปรายเป็นสายฝนถล่มเวียดนามในตอนนั้นก็มีจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกสงคราม ที่เกิดขึ้น โดยมีคนลือว่าหากนำระเบิดที่ใช้ในสงครามเวียดนาม มาเรียงต่อกัน จะสามารถพันโลกได้ถึง 3 รอบเลยทีเดียว
ผู้เขียนมีโอกาสได้เห็นอุโมงค์กู๋จี อุโมงค์ที่ชาวเวียดกงได้ขุด เพื่อหลบ เพื่อรบกับทหารอเมริกา ซึ่งเป็นอุโมงค์ขนาดเท่าคนเอเชียพออยู่ได้ แต่ไม่พ้นความอึดอัดคับแคบ โดยชาวเวียดกงขุดขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่น
อุโมงค์กู๋จีมีส่วนสำคัญที่ทำให้เวียดนามชนะสงคราม จนเป็นที่โจษจันของบรรดาแม่ทัพนายกองของสหรัฐอเมริกา จนถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่เจอทหารเวียดกงสักคน แต่ไปที่ไหนๆ ก็มี
นี่คือสงครามที่สุดท้ายไม่พ้นคำว่าสูญเสีย แต่หากมองกัน ที่ระยะเวลา 38 ปี กับเอกราชที่ได้มา เวียดนามสร้างประเทศ ขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
ทุกวันนี้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่น่าลงทุน ไม่ต่างจาก ประเทศใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ประชากรมีความต้องการพื้นฐานสูงมาก แบรนด์ขายตรงหลายแบรนด์เห็นโอกาสก็พยายามเข้าไปจับจองพื้นที่ ส่วนอีกหลายแบรนด์ถ้าไม่รีบเห็นทีจะไม่ทันการณ์
ฉบับหน้าผู้เขียนจะเอาตัวเลขของเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวข้อง กับธุรกิจขายตรงมาฉายให้เห็น แล้วท่านจะสงสัยไม่ต่างจาก ผู้เขียนว่า นี่หรือประเทศที่เพิ่งผ่านสงครามมาเพียง 38 ปี