Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
ขายตรง
MLM เวียดนามโตกระฉูด! ผู้ค้าไทยชิงหัวหาดรับ AEC "นู สกิน" ปักธง "ฮานอย-โฮจิมินห์"
MLM เวียดนามโตกระฉูด! ผู้ค้าไทยชิงหัวหาดรับ AEC "นู สกิน" ปักธง "ฮานอย-โฮจิมินห์"
วันพุธที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ธุรกิจขายตรงประเทศเวียดนาม โตทะยานสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนปี 2012 มูลค่ารวมกว่า 9,000 ล้านบาท สถิติชี้แบรนด์ต่างชาติ โกยยอดขายได้มากกว่าแบรนด์ในประเทศ เหตุรสนิยมของคนในเวียดนาม ไว้ใจแบรนด์นอก ผลักดัน MLM ฝั่งไทยเปิดศึกชิงพื้นที่หัวเมืองใหญ่ตั้งฐาน รองรับ AEC ด้าน "นู สกิน" เดินเครื่อง บุกตลาดเวียดนามเต็มสูบ ปักธง 2 เมือง เศรษฐกิจ "ฮานอย-โฮจิมินห์" ชูสินค้าต้านแก่ "เอจล็อก" เป็นเรือธง มั่นใจเป้ายอดขายปีแรกผ่านฉลุย 450 ล้านบาท หลังผ่านมาครึ่งปีโกยแล้ว 80%
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย และเวียดนาม เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 3.1 แสนล้านบาท โดยตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ ประเทศ มาเลเซีย, ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม ในขณะที่ประเทศ เวียดนามซึ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ใน อาเซียน ด้วยปัจจัยที่มีประชากรประมาณ 90 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 13 ของโลก และมูลค่าอุตสาหกรรมขายตรงของเวียดนามในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท มีการเติบโตร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ ปี 2554 ซึ่งนับว่าเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศในกลุ่มเออีซี และนับเป็น การเติบโตสูงสุดติด 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรมขายตรงโลก ในปีระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมามีบริษัทยื่นขอจดทะเบียนเปิดดำเนินการในเวียดนามจำนวน 78 บริษัท และเปิดดำเนินการอยู่ในปัจจุบันจำนวน 54 บริษัท แบ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่น 83.3% และแบรนด์ต่างชาติ 16.7%
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 51% รองลงมา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแล ผิวและเครื่องสำอาง 27% และผลิตภัณฑ์กลุ่มโฮมแคร์ 9% ช่องทางการจำหน่ายใช้วิธีการขายผ่านบุคคลต่อบุคคล 100% เพราะ ยังถือว่าเวียดนามยังคงเป็นตลาดเปิดใหม่สำหรับขายตรง และมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ดังนั้น ช่องทางการขายแบบปากต่อปากจึงเป็นช่องทางหลักที่มีศักยภาพสูงในปัจจุบัน
"นู สกิน เริ่มเข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการช่วงปลายไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น สาขาประเทศที่ 53 ของนู สกินทั่วโลก และ นับเป็นการประกาศศักยภาพที่แข็งแกร่งของนู สกิน ในการเปิดตลาดที่ 7 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจากทั้งหมด 10 ประเทศ ต่อจากไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน สำหรับสภาวะการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจขายตรงในประเทศเวียดนามยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับไทย หรือมาเลเซีย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ค่อนข้าง ใหม่ ประกอบกับธุรกิจขายตรงที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามนั้นจะต้องได้รับการ ยอมรับและผ่านการตรวจสอบโดยรัฐบาลอย่างเข้มงวด ดังนั้น บริษัทขายตรงที่จะเข้า ไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามต้องดำเนินธุรกิจ ภายใต้กรอบของจรรยาบรรณ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับทัศนคติของผู้บริโภคและให้ความรู้กับคนในประเทศ เวียดนามเปิดรับธุรกิจขายตรงมากขึ้น" นางภคพรรณ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดเวียดนาม ช่วงเปิดตลาดใหม่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้แทนจำหน่าย โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรา แบรนด์เอจล็อกเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดภายใต้กลยุทธ์ "ageLOC Opportunity" ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ของคนในประเทศและด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ที่คาดการณ์ว่าตัวเลขของประชากรวัย 40 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเดียวกันกับทั่วโลก ซึ่งในขณะนี้สัดส่วนของยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มเอจล็อกอยู่ที่ 65% ของยอด ขายทั้งหมดของบริษัท และสัดส่วนระหว่าง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อยู่ที่ 70:30
"เนื่องจากการทำตลาดในระยะนี้ยังถือเป็นช่วงเปิดตลาดใหม่ๆ จึงเป็นช่วงที่บริษัทต้องการสร้างฐานสมาชิกผู้ทำธุรกิจเป็นหลัก และจากข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ร้อยละ 57 ของประชากรในประเทศเป็น กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเป็นเจ้าของ ธุรกิจของตัวเอง มองหาโอกาสทางการทำงานใหม่ๆ เสมอ อีกทั้งทุ่มเทกับการทำงานหนัก เราจึงจะเน้นไปที่การพิสูจน์ให้ชาวเวียดนามเห็นว่าเราแตกต่างจากบริษัทอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านวิสัยทัศน์ของบริษัท โอกาส ทางธุรกิจ และคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้ทำธุรกิจ นู สกิน สามารถประสบความสำเร็จได้จริงจากกลยุทธ์การตลาดที่เราวางไว้นี้ จึงคาดการณ์ว่าภายในปี 2556 จะมีจำนวนสมาชิก 30,000 บัญชีรายชื่อ และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 450 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายจำนวน 2 สาขาที่เมืองโฮจิมินห์ และเมืองฮานอย และจะขยายเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น" ภคพรรณ กล่าว
"ภคพรรณ" กล่าวต่อว่า "ทุกครั้งที่ นู สกิน ไปเปิดดำเนินการที่ประเทศใดก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องการทำธุรกิจ อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบข้อบังคับของแต่ละประเทศ ปลูกฝังด้านจรรยาบรรณของ ผู้แทนจำหน่าย และสิ่งที่นู สกิน คำนึงถึงตลอดเวลาคือการตอบแทนคืนกลับสู่สังคม สำหรับในเวียดนาม เราได้เริ่มช่วยเหลือเด็ก ผู้ป่วยโรคหัวใจภายในการโครงการ SEA Childrens Heart Fund โดยร่วมมือกับองค์กรการกุศล East Meet West ซึ่งภายใน ระยะเวลา 1 ปี ที่นู สกิน เวียดนามเปิดดำเนิน การ เราช่วยเหลือด้านการผ่าตัดเด็กผู้ป่วย โรคหัวใจไปแล้ว จำนวน 5 ราย"
"อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทวางกลยุทธ์ สร้างการเติบโตผ่านการเปิดดำเนินธุรกิจ นู สกิน เพิ่มขึ้นในแต่ละประเทศโดยเฉพาะ ในกลุ่มประเทศเออีซีนั้น มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การส่งเสริมการทำงานให้กับผู้ทำธุรกิจ นู สกิน ได้มีโอกาสขยายธุรกิจได้กว้างไกลยิ่งขึ้น ซึ่งนู สกิน เป็นเพียงบริษัทเดียวที่สามารถสร้างเครือข่ายขยายการทำงานและมีรายได้จากทุกประเทศที่นู สกิน เปิดดำเนินการ กรณีการเปิดเวียดนามผู้ทำธุรกิจ นู สกิน ที่เป็นคนไทยเองก็มองเห็นโอกาสที่ บริษัทเตรียมพร้อมไว้ให้ ซึ่งมีผู้ทำธุรกิจมากมายที่ประสบความสำเร็จแล้วในขณะนี้" แม่ทัพหญิง "นู สกิน" ไทย-เวียดนาม กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ "นู สกิน" เท่านั้นที่เข้าไปทำตลาดในประเทศ เวียดนาม แต่ที่ผ่านมามีบริษัทขายตรงทั้งจากประเทศอื่น และขายตรงจากไทยเข้าไป เปิด ทั้ง "แอมเวย์" "โมรินดา" โดยล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา ก็มี "นีโอ ไลฟ์" ขายตรงแบรนด์ไทยอีกรายที่เข้าไปเปิดธุรกิจเครือข่ายในเวียดนาม โดยตั้งสาขาอยู่ที่เมืองหลวง ของเวียดนามอย่าง "ฮานอย" และดูเหมือน ว่าธุรกิจที่ได้เข้าไปขยายสาขานี้จะได้รับการ ตอบรับจากคนในเวียดนามเป็นอย่างดี ทำให้ เวียดนามกลายประเทศที่มีการขยายตัวมาก ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์ในปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
Happy MPM Business Trip @ จันทบุรี...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Roya...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Adva...
...
“แอมเวย์” ยกระดับสินค้าเพื่อสุขภาพ เปิดต...
...
“กิฟฟารีน” ฉลองความสำเร็จ 29 ปี จัดใหญ่ ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ