ผลสะเทือนขับ “21 กบฏ” พ้นพรรค… ล้างกระดาน-เปลี่ยนสมการการเมือง

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

ผลสะเทือนขับ “21 กบฏ” พ้นพรรค…  ล้างกระดาน-เปลี่ยนสมการการเมือง


ถึงวันนี้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังออกมายืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกพลังประชารัฐยังแน่นปึ้ก เมื่อ “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐย้ำชัดถึงความเหนียวแน่นของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เมื่อต้องทำงานเพื่อประชาชน เชื่อว่าทุกคนมีสปิริต สามารถเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการสนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชน และพรรคพลังประชารัฐ ยังคงมีเสถียรภาพ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นสถาบันการเมือง ที่พร้อมจะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ให้กินดี อยู่ดี ภายใต้นโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

พร้อมยืนยัน พรรคพลังประชารัฐ ยังเชื่อมั่น และพร้อมชู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม เป็นแคนดิเดต นายกฯ ของพรรค และขอยืนยันความสัมพันธ์ของ “3 ป. Forever” ว่ายังคงแน่นเหนียว เป็นหนึ่งเดียวในทุกๆ สถานการณ์

สวนทางกับข่าวคราวที่ออกมาเป็นระยะๆ นับตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐมีมติขับไล่  “21 กบฏ” ที่นำทีมโดย “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมกับหอบ ส.ส. ในพรรคพวกเดียวกันอีก 20 คนด้วยข้อหาฉกรรจ์ “เป็นภัยต่อความมั่นคง เสถียรภาพและเอกภาพพรรคพลังประชารัฐ” ฐานคอยเคลื่อนไหวยุยงให้พรรคเกิดความเสียหาย

แต่ความจริงเป็นฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส เดินเกมยืมมือที่ประชุมพรรคให้ช่วย “ฮาราคีรี” ตัวเอง ใช้มติพรรคขับออก เพื่อให้ยังคงสถานะเป็น ส.ส.ต่อไปได้ เพราะไม่ได้ลาออกเอง

แผนเตี๊ยมล่วงหน้า เคลียร์ทางย้ายสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ไปใส่เสื้อใหม่ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ที่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปเปิดหัวพรรคใหม่รอล่วงหน้า

“กลยุทธ์การเมือง” แบบไทยๆ ที่การถูกขับออกจากพรรคไม่ใช่การลงโทษ แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการย้ายพรรค เพื่อช่วงชิงการต่อรองอำนาจผลประโยชน์ทางการเมือง เอาไว้ “ต่อรอง” เก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อกลับมาเป็นใหญ่ในรัฐบาล

“ผู้กองมนัส” แยกทางไปเล่นบทใหม่ กึ่งรัฐบาล กึ่งฝ่ายแค้น จะโหวตอะไรค่อยดูเป็นกรณีๆ ไป ไม่อยู่ใต้อาณัติมติพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป

ผิดกับทางฝั่งของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่วันนี้แทบนั่งไม่ติด แทนที่จะเป็นฝ่ายกุมอำนาจในพรรค หลังคู่อริพ้นเส้นทาง แต่ชะตากรรมพลิกผันมาแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ตามสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่เสียงหายวูบไปอย่างน้อย 21 คน จำนวนเสียงรัฐบาลกลับสู่ “ภาวะปริ่มน้ำ” เสถียรภาพง่อนแง่นเหมือนตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ จากช่วงพีคสุด รัฐบาลเคยมี ส.ส.ร่วม 270 คน แต่ ณ วันนี้ ส.ส.หลายคนถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำ “ทีมผู้กอง” ยังยกทัพออกจากพรรคพลังประชารัฐ

จำนวนเสียงซีกรัฐบาลหายวูบ ปัจจุบันเหลือแค่ 247 เสียง ฝ่ายค้านมี 208 เสียง และอีก 21 เสียงของทีม ร.อ.ธรรมนัสแยกวงออกมาอีกสถานะ เป็นกองกำลังอิสระ จะเลือกสวิงไปอยู่ฝั่งใดตามการต่อรอง

ผู้กองพลิกเกมถือแต้มต่อเหนือผู้นำ เก้าอี้นายกฯ โยกเยก ยามมีวาระสำคัญเข้าสภา “บิ๊กตู่” ได้เสียวสันหลังจะถูกกดปุ่มซ่อนแต้มหรือไม่ โดยไม่มีใครช่วยไกล่เกลี่ยรอมชอมได้ โดยเฉพาะ “พี่ใหญ่-ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ก็จะมีข้ออ้างไม่สามารถควบคุม “เด็กในคาถา” ได้ เพราะไม่ได้อยู่ร่วมพรรคกันแล้ว ส่วนพรรคเล็กพรรคน้อยกลับมามีราคา รอ “กล้วย” มาป้อน ในห้วงที่ทุกคะแนนมีค่าต่อความอยู่รอดของ พล.อ.ประยุทธ์

ท่ามกลางเสถียรภาพทางการเมืองติดลบหนัก จากสภาพการณ์ไม่ใช่ฝ่ายค้านทรงพลัง แต่กลายเป็นรัฐบาลขุมอำนาจ “3 ป.” ที่ฟัดกันเองบนเกม “อำนาจ-ผลประโยชน์” รัฐบาลไม่มีเวลาใช้สมองบริหารบ้านเมือง

ไล่เรียงกันตั้งแต่ศึกในค่ายพลังประชารัฐ ที่เกิดอาฟเตอร์ช็อกกบฏ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แตกแยกลามถึงสายสัมพันธ์พี่น้อง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กระทรวงกลาโหม

แถมยังมี “ศึกในพรรคร่วมรัฐบาล” ที่มีอาการกินแหนงแคลงใจระหว่างค่าย “พลังประชารัฐ” กับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ฟัดกันหนักในสนามเลือกตั้งซ่อมพื้นที่ปักษ์ใต้ “ชุมพร-สงขลา” แผลทางใจลึกเกินกว่าจะเยียวยา ขณะที่ “ค่ายเซราะกราว” ภูมิใจไทย ที่เขม่นกับพรรคแกนนำรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการผลักดันนโยบายกัญชาเสรีที่ยังติดๆ ขัดๆ ปมข้อกฎหมาย กลายเป็นภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ขัดแข้งขัดขากับพลังประชารัฐ “แทงหลัง” กันทุกจังหวะ

นี่จึงทำให้ “ลุงตู่” ออกอาการร่อแร่ โดยเฉพาะเปิดประชุมสภาฯ รอบหน้า เดือน พ.ค.2565 มี “ศึกซักฟอก” รัฐมนตรีรออยู่ แผลฉกรรจ์รุนแรงอาจถึงขั้นทำให้นายกฯ “ตกเก้าอี้”

ภาวะคับขัน พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่เรื่องรุมเร้า ปัญหาเสถียรภาพในรัฐบาลจู่โจมพร้อมกับปัญหาข้าวยากหมากแพงที่ยังแก้กันไม่ตก ฉุดเรตติ้งดิ่งเหวลงเรื่อยๆ  โลโก้ “ลุง” ขายไม่ออก พ่ายหมดรูปในสนามเลือกตั้งซ่อม จ.สงขลา-ชุมพร สะเทือนถึงสนามเลือกตั้งซ่อม กทม. และอาจลากยาวไปถึงสังเวียนผู้ว่าฯ กทม.

หากแต่ก็มีเรื่องที่ต้อง “จับตา” กันให้ดี กรณี “ปมเปิดกรงเสือหลุดเข้าป่า” กรณีพลังประชารัฐขับผู้กองมนัสพ้นพรรค อาจกลายเป็น “เรื่องใหญ่”

เริ่มจากนักร้องอาชีพอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินหน้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อไต่สวนและวินิจฉัย กรณีพรรคพลังประชารัฐมีมติให้ ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส.ออกจากค่าย พปชร.เป็นไปโดยชอบด้วยข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่

และที่มีน้ำหนักมากกว่าคือคิวของ “คำนูณ สิทธิสมาน” สมาชิกวุฒิสภา ที่ชี้ชัดกระบวนการขับ ส.ส. ก๊วน “ผู้กองนัส” ออกจากพรรคพลังประชารัฐ อาจเป็นข่าวใหญ่ ถ้า กกต.ก้าวเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง ว่าเป็นการจงใจขับออกจากพรรคโดยบริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) จริงหรือไม่ มีน้ำหนักสมเหตุสมผลตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ หรือไม่ หรือแค่เป็นเรื่องของเกมอำนาจหักกันเองมากกว่า

แถมจู่ๆ “เสี่ยเบี้ยว” นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา 1 ใน 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกจากค่ายพลังประชารัฐ พร้อมกับ “ผู้กองนัส” ออกมาแฉชัดๆ ไม่ได้รู้เรื่องกับการเคลื่อนไหวป่วนพรรคแต่อย่างใด และขอให้ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. ทบทวนมติพรรคใหม่

แม้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้า ฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชารัฐจะยืนยันว่ามติไม่เป็นโมฆะ เพราะในการลงมติดังกล่าวแม้ไม่ได้เป็นเอกฉันท์ แต่เป็นมติเสียงข้างมาก ตามรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ข้อบังคับพรรคทุกประการ และ ส.ส.ดังกล่าวที่ถูกจับจะต้องหาพรรคใหม่สังกัด ภายใน 30 วัน

ดูเหมือนว่า  “เกมปล่อยเสือเข้าป่า” ส่อเค้าบานปลาย

ถ้าลามถึงขั้นยุบพรรคพลังประชารัฐ เท่ากับมีโอกาสล้างกระดาน เปลี่ยนสมการการเมืองกันใหม่..!!

  



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ