ดูเหมือนว่า เราจะช้าไม่ได้อีกแล้วสำหรับการแก้ไขกฎหมายขายตรง เมื่อการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใกล้ เข้ามา เพราะหากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เกิดขึ้น นั่นคือ การที่บริษัทต่างชาติจะแห่เข้ามาในวงการขายตรงบ้านเรา นั่นยิ่งจะทำให้จำนวนบริษัทมากขึ้น รูปแบบก็จะเพิ่ม ความหลากหลาย ซึ่งหากกฎหมายยังไม่ชัดเจน หรือยังล้าหลัง อยู่ ก็ดูจะไม่เป็นผลดีกับวงการขายตรงโดยรวมเป็นแน่
โดยนายบัญชา เหมินทคุณ รองประธานกรรมการ บริษัท เอสเนเจอร์ เปิดเผยถึงประเด็นแก้ไขกฎหมายขายตรงกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันธุรกิจขายตรงได้มีการเติบโตรวดเร็วเป็นอย่างมาก และทั่วโลกก็ต่างทำธุรกิจนี้กันมานานแล้ว เพราะ เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำธุรกิจนี้ ทำให้ในปัจจุบันมีบริษัทขายตรงข้ามชาติที่เข้ามาเปิดในประเทศไทยเยอะ รวมถึงบริษัทขายตรงของคนไทยเองก็เกิดขึ้นแบบธุรกิจเล็กๆ ก็มีจำนวนมาก ทำให้จำเป็นที่ต้องมีกฎกติกาที่สอดคล้องอยู่ในความ เหมาะสมควบคุมให้อยู่ในความถูกต้อง
ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ทำให้ธุรกิจขายตรงเสื่อมเสียเยอะ และยังลอยนวลอยู่ในสังคม โดยที่ยังตามจับตัวไม่ได้ คนที่ไม่มีความรู้ก็มักจะหลงเชื่อและถูกหลอกเข้ามาทำได้ง่าย จะเห็นได้ว่า ปัญหาแชร์ลูกโซ่มีมากมายเหลือเกิน ทำให้คนจำนวนมากไม่กล้า เข้ามาทำธุรกิจนี้ เพราะกลัวโดนหลอกให้หมดเนื้อหมดตัว แต่หาก มีกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ก็เชื่อว่าจะช่วยให้ยกธุรกิจขายตรงมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นกว่านี้
"กฎหมายขายตรงในฉบับปัจจุบันค่อนข้างมีความล้าสมัย เพราะเดี๋ยวนี้โลกเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงาน ทำให้ทุกอย่าง สะดวกสบายไปหมด และช่องทางที่กฎหมายจะควบคุม บางทีก็มีช่องโหว่กฎหมายคงต้องได้รับการปรับแก้ไขให้ทันยุคสมัยจะเหมาะที่สุด คงต้องมีการระดมแนวคิดจากบริษัทขายตรงชั้นนำของเมืองไทย เข้ามาช่วยกันหาทางออกเกี่ยวกับผลกระทบนี้ เพราะอีกไม่นานการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ก็กำลังจะเกิดขึ้น ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า" บัญชา กล่าว
โดยผู้บริหาร "เอสเนเจอร์" ยังกล่าวต่อว่า หากถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็น่าจะวุ่นวายแน่ หากกฎหมายยังไม่ปรับให้ทันยุคสมัย แต่เชื่อว่า กฎหมายขายตรงจะได้รับการปรับปรุงก่อนถึง เออีซีแน่นอน เพราะรัฐบาลคงไม่นิ่งนอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ กำลังหาทางออกและวิธีกันอยู่ ยังไงหากท่านใดที่กำลังมองหาธุรกิจเครือข่าย และอยากจะลองทำดู ก็ต้องศึกษาข้อมูลบริษัท ให้ละเอียดก่อนจะเป็นการป้องกันตัวเองจะดีที่สุด
นอกจากนี้ ควรพยายามศึกษาว่า บริษัทนั้นๆ ได้รับตราสัญลักษณ์ สคบ. หรือไม่ และเปิดดำเนินกิจการมาเกิน 2 ปี หรือยัง รวมถึงสินค้าได้รับการรับรองจาก อย. หรือไม่มีความมั่นคง เรื่องการเงินเพียงใด และระบบการบริหารการจัดการส่งสินค้า การจ่ายเงินน่าเชื่อถือหรือไม่ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ต้องศึกษาให้ดี เพราะ ปัจจุบันมีบริษัทขายตรงประมาณ 300 กว่าบริษัท บางบริษัทก็ปิดตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งกับทาง สคบ. ก็มี ดังนั้น ข้อมูลตรงนี้ ที่กล่าวมาควรจะศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงมือทำ