"โมนาวี" ยอมรับการเติบโตของสาขาไทยไม่เป็นไปตามเป้า โดยเฉพาะเรื่อง ยอดขาย แต่จำนวนสมาชิกอาจได้ดั่งฝัน 3 หมื่นรหัส ค้านข่าวลือบริษัทเตรียมปิดกิจการไม่เป็นความจริง ยังเดินหน้าตามแผนตั้งไทยเป็นแกนกลางขยายสาขาอาเซียน ฟุ้งไม่เกิน 2 ปี ก้าวเป็นเบอร์ 1
มร.ฟิล เวลช์ ประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท โมนาวี โฮลดิ้งส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปีก่อนบริษัทได้ทำการเปิดตัวโมนาวีในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของบริษัท และจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากเสียงเรียกร้องของนักธุรกิจโมนาวีทั่วโลก รวมถึงครอบครัวโมนาวีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และการเปิดตัวโมนาวีประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบนับเป็นการเปิดตลาดแห่งใหม่ครั้งแรกของปี พ.ศ.2555 และในปัจจุบัน โดยโมนาวีได้ดำเนินธุรกิจแล้วใน 24 ประเทศทั่วโลก
"บริษัทมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดไปแล้ว 24 สาขาทั่วโลก ประเทศไทยถือเป็นลำดับที่ 19 ซึ่งตนในฐานะประธานดูแลภูมิภาคนี้จะเข้ามาดูแลประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และไทย โดยจะใช้แผนยุทธศาสตร์ธุรกิจและการตลาด เพื่อช่วยให้นักธุรกิจในประเทศและสาขาในแต่ละประเทศประสบความสำเร็จในธุรกิจโมนาวี"
"ตนมีความมั่นใจตลาดในเมืองไทย เพราะถือว่ามีการเติบโตที่เร็วเป็นอย่างมาก บริษัทมีความตั้งใจจะผลักดันความสำเร็จและก้าวขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจขายตรงให้ได้ในภูมิภาคนี้ โดยตั้งเป้าไว้ภายใน 2 ปีเท่านั้น และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้เปิดทำการ แต่ก็กำลังจะขยายเพิ่มออก ไปเรื่อยๆ ตอนนี้โมนาวีเปิดดำเนินธุรกิจมา 8 ปีแล้ว โดยบริษัทจะเปิดสาขาปีละ 3 ประเทศ โดยมีความท้าทายคือจะพยายามให้สาขาที่เปิดในประเทศนั้นๆ เติบโตให้ได้รวดเร็วและแข็งแรงมั่นคง"
ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่าบริษัทจะปิดกิจการนั้น มร.ฟิล เวลช์ ประธานใหญ่ "โมนาวี" เผยว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะปิดกิจการลงแต่อย่างใด บริษัทยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และตอนนี้บริษัท ก็มีความเข้าใจ ถึงความท้าทายของตลาดในเมืองไทยเป็นอย่างดี โดยเราจะเติบโตอย่างเป็นขั้นตอน ขณะที่ยอดขายนั้น หากนับเฉพาะในภูมิภาค เอเชีย ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นมาเลเซีย ตามด้วยออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และอันดับ 5 คือไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยเป็นตัวเลขได้ในตอนนี้
"ต้องยอมรับว่า เวลานี้ยอดขายในเมืองไทยไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แต่ ก็มั่นใจว่า สิ้นปีนี้บริษัทจะต้องเติบโตขึ้นแน่นอน ส่วนเรื่องของรหัสสมาชิกที่เคย ตั้งเอาไว้ต้องมีอย่างน้อย 3 หมื่นรหัส ถึงปัจจุบันนี้ก็ใกล้จะเกือบๆ 3 หมื่นรหัสแล้ว คาดว่าสิ้นปีจะได้ 3 หมื่นรหัสเป็นอย่างต่ำ และสิ่งที่ต้องเร่งทำให้เร็วคือ การสร้างผู้นำ ที่สามารถขยายเครือข่ายออกไปได้ เพราะยังมีอีกหลายแห่งที่โมนาวียังไม่ได้ขยายไป แต่จะเร่งขยายให้ครอบคลุมในเมืองไทยให้มากที่สุด"
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวชูโรงของ "โมนาวี" คือ โมนาวี อาซาอิเพอร์เพิล ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เป็นสายพันธุ์บราซิล ผลไม้ที่มีปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก และยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม ถือเป็นศาสตร์แห่งผิวอ่อนเยาว์ ด้วย 5 ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเอ็นวีเฟเชียลโฟม, เอ็นวีธีจูวีเน็ทติ้งซีรั่ม, เอ็นวีเดย์ครีม, เอ็นวีรีไวทัลไลซ์ซิ่งครีม และเอ็นวีมูสชาวเวอร์สครับ
โดยกำลังได้รับความนิยมอย่างมากจาก 24 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เม็กซิโก, เยอรมนี, สิงคโปร์, เปอร์โตริโก, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, บราซิล, อิสราเอล, โปแลนด์, มาเลเซีย, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ไทย, ฮังการี, โปรตุเกส, ออสเตรีย, อินเดีย และเปรู
ส่วนแผนการรุกตลาดต่างประเทศ ประธานใหญ่ประจำภูมิภาค เอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดตลาดขายตรงโมนาวีในมาเลเซีย และสิงคโปร์ไปแล้ว และประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในแถบอาเซียน โดยแผนผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียน บริษัทยืนยันจะดำเนินตามแผนให้สำเร็จเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, กัมพูชา และลาว โดยยังมองว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในแถบนี้
นอกจากนี้ บริษัทโมนาวีถือเป็นบริษัทขายตรงที่เติบโตเร็วที่สุดจากการจัดอันดับจากนิตยสาร Inc. โดยติดอันดับที่ 18 จากทั้งหมด 500 บริษัท และยังขึ้นเป็นอันดับ 1 ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งยังเป็น กลุ่มบริษัทที่มีมูลค่ากิจการร้อยล้านเหรียญ สหรัฐประจำปี 2552-2553 พร้อมทั้งเป็นบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในรัฐยูทาห์ โดย เมาน์เทนเวสแคพิทอลเน็ตเวิร์ค