สายใย ไทย-จีน เหนียวหนึบ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สายใย ไทย-จีน เหนียวหนึบ


สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนมาเยือนแผ่นดินไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ถือเป็นปรากฏการณ์พิเศษสุดครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ใช้เวทีรัฐสภาไทยสร้างสัญญาณสมานฉันท์แบบ "ชั่วพริบตา" ให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมีมติเป็นเอกฉันท์ 477 : 0 เสียงเห็นชอบตามบันทึกความเข้าใจระหว่างจีนกับไทย รวมไปถึงลาว กัมพูชา พม่าและเวียดนาม เพื่อการขนส่งสินค้า และบุคคลข้ามพรมแดนอย่างฉลุย

เป็นครั้งแรกที่ผู้นำมหาอำนาจจีน มากล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาไทย ด้วยถ้อยคำ สละสลวยประทับใจ ชื่นมื่นกันทุกฝ่าย รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักลงทุนใหญ่ภาคเอกชน อย่าง เครือซีพี ธนาคารกรุงเทพและสมาคมค้าทองคำ ร่วมประชุมเป็นประจักษ์พยาน ในสภาด้วย

นิมิตหมายที่ดีเช่นนี้ เป็นบรรยากาศที่ไม่ร่วมกันบันทึกให้เป็นประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ไม่ได้เด็ดขาด

ถ้อยคำที่ร้อยเรียงไม่ว่าในภาคการค้า เศรษฐกิจระหว่างประเทศ วัฒนธรรมประเพณีที่ผูกรัดกันยาวนาน ไทยเป็นชาติแรกที่เปิดสถานกงสุลไทยมากที่สุดในจีน, เพราะจีนสร้างภาพยนตร์ (Lost in Thailand) เพียงเรื่องเดียวโกยกำไรเกือบหมื่นล้านในจีนจนกลายเป็นกระแสให้คนจีนหลั่งไหลเพียง 5 เดือนแรกมาท่องเที่ยวในไทย มากถึง 2.5 ล้านคน, เกิดมูลค่าทางการค้าถึง 70,000 ล้านดอลลาร์เพิ่มจากปีก่อนถึง 8 เท่า, เกิดสัญญาซื้อข้าวจากไทยอีก 1 ล้านตันเป็นเวลา 5 ปี และซื้อยางเพิ่มอีกอื้อซ่า

มหาอำนาจอย่างจีนยื่นมือเสนอให้ไทยสืบสานวัฒนธรรมการเยี่ยมเยือนระหว่างผู้นำให้ร่วมมือช่วยเหลือด้านภัยธรรมชาติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการเกษตร การคมนาคม ให้สนับสนุนกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้ไทยเลิกวีซ่ากับหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา และจะปรับธนาคาร 2 ชาติให้แลกเปลี่ยนเงินตรา (บาท-หยวน) ได้โดยไม่ต้องผ่านเงินสกุลอื่น

จีนขอร่วมโครงการยักษ์สร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกัน ในขณะที่ประธานสภาไทย ขอให้จีนช่วยขยายถนนจากจีนผ่านลาว เข้ามายังเชียงของ (สาย R3a) เป็น 4 เลน

นายหลี่กล่าวว่า "...ที่ข้าพเจ้าพูดมาไม่ได้มาหาเสียงเพื่อให้ลงคะแนนผ่านกฎหมาย แต่อยากให้ลงคะแนนเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-จีน"

หากประเทศเล็กกว่าอย่างไทย ไม่คว้าหมับโอกาสทองโอกาสเพชรล้ำค่าอย่างนี้ ก็โง่เต็มทนแล้ว

ไม่ว่าจะวิเคราะห์ในมุมกุศโลบาย ยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ใดๆ กับบทบาท ของผู้นำจีนที่มาไทยเที่ยวนี้จะเป็นแผน ลึกล้ำประการใด เราท่านสามารถย้อน ระลึกไปในอดีต ไม่ว่ายุคสงครามเย็น สงครามไฟประลัยกัลป์ ยุคที่ไอ้ฝรั่งจากแดนไกลโพ้นมามอมเมาล้างสมอง ให้คนไทยเกลียดชังลัทธิการปกครองที่ต่างกัน เห็นจีนเป็นชาติชั่วร้าย แต่เมื่อ ได้สัมผัสพฤติกรรมลึกๆ เมื่อโอกาสเปิดให้ได้จับเข่าพูดจากันแล้ว มันก็เข้าใจ ถึงความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันได้ไม่ยาก

เมื่อจีนเปิดประเทศ แม้ต่างลัทธิ กัน เราก็ไปมาหาสู่กันโดยลืมเสียสนิท ว่า จีนยังปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เราเคยถูก "ปั่นหัว" ให้เกลียดกลัว มาจากอดีต จนแทบไม่รู้สึกว่ามันต่างกันตรงไหน

อดีตฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เข้ามาล่าอาณานิคมปล้นแผ่นดินชาติเอเชีย อเมริกายกกองทัพและอาวุธเข้ามาถล่ม มาแยกลูกแบ่งหลานคนในแผ่นดินเอเชีย อย่างโหดร้ายทุกข์ทรมานและเป็นบทเรียนประวัติศาสตร์อันอัปยศอดสู และมีผลกระเทือนมาถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม หรือครอบงำการเมืองที่แตกแยกกันของคนในชาติเดียวกัน

ประวัติศาสตร์ชาติไทยยังไม่เคยได้ยินกองทัพจีนบุกเข้ามาในแผ่นดินไทย แม้แต่ตารางนิ้วเดียว

แต่ประวัติศาสตร์เคยบันทึกว่า กองทัพจีนเคยทำ "สงครามสั่งสอนเวียดนาม" เพื่อช่วยสกัดไม่ให้ญวนแผ่อิทธิพลเข้ามาประชิดเขตแดนไทย!

และเป็นปัจจุบันวันนี้ที่ผู้นำจีนมากล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาไทย ที่ชาติไหนๆ ในฟากแดนตะวันตกไม่กล้าหาญชาญชัยมาแสดงความรู้สึกด้วยความจริงใจ และผูกมัดด้วยคำพูดที่สร้างความเหนียวแน่นแห่งความรักความสมานฉันท์และความช่วยเหลือต่อกันด้วยบรรยากาศที่ประทับใจเช่นนี้ได้

"จีน-ไทย พี่น้องกัน" ที่เคยกล่าวขานถึงกันไม่พอเสียแล้ว แต่นายหลี่ เค่อเฉียง ยังตอกย้ำให้ล้ำลึกยิ่งกว่าว่า "จีน-ไทย ครอบครัวเดียวกัน"

อย่าว่าแต่ฝรั่งชาติตะวันตกเลย แม้แต่ในเอเชียหลายชาติก็ไม่ได้รับเกียรติและโอกาสแห่งความอบอุ่นเหมือนแผ่นดินไทยได้รับแทบ "ล้นอก"

สายสัมพันธ์ไทย-จีน เสมือนสายแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำถ่วงจีน เป็นสายสัมพันธ์หลัก

คงไม่ใช่คำพูดแบบยกยอปอปั้น แต่จีนก็ปฏิบัติกับไทยอย่างมั่นคงยาวนาน และ มีสายสัมพันธ์ 2 แผ่นดินที่กลมกลืนทั้งเผ่าพันธุ์จากชนทุกระดับอย่างเหนียวแน่นตลอดมา

แค่สมมติเล่นๆ ว่า เราค้าขายกับอเมริกา และอังกฤษ ฝรั่งเศส ที่มีประชากร รวมๆ เต็มที่แล้ว 500 ล้านคน ก็ยังน้อยกว่ามหาชนมากที่สุดในโลกอย่างจีนถึง 1,300 ล้านคน มากเกือบ 3 เท่า

เราผลิตข้าว ผลิตยาง หรือพืชเกษตรอื่นๆ ราคาตก ก็มีแต่จีนเท่านั้นที่กล้า มารับปากรับประกันว่า ยินดีช่วยซื้อพืชเกษตรไทยจำนวนมหาศาล แต่ชาติตะวันตก เสียอีกกลับใช้มาตรการกีดกันสินค้าไทยทุกครั้งทุกซอกทุกสัญญาที่เขาจะเอาเปรียบได้

ถ้ายังไม่แน่ใจ ลองสัมผัสเองดูก็ได้ว่า ใคร "รู้หน้า ไม่รู้ใจ" และจริงใจมากกว่ากัน?


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ