ปัดฝุ่น "เกมขายชาติ" เขย่ารัฐบาลปู

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปัดฝุ่น


วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

เกมการเมืองซ้ำซาก หวนกลับมาบั่น ทอนเสถียรภาพรัฐบาลชุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหมอีกตามเดิม

เป็นเกมจากการผสมปนเปในการอภิปรายการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในวาระที่สอง แล้วลากไปพัวพันผลประโยชน์ทับซ้อนด้านพลัง งานในอ่าวไทย

พรรคประชาธิปัตย์ผนึกกำลังกับกลุ่ม 40 ส.ว.สรรหา โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์หนักหน่วงว่า การ แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 มีเป้าหมายให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เจรจาและเข้าครอบครองผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชาได้ง่ายดายขึ้น

นั่นเป็นยุทธศาสตร์เดิมๆ ของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม 40 ส.ว. ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า "ทุจริต ขายชาติและแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อน" มาตั้งแต่ปี 2549

ถึงปี 2556 ข้อหาผลประโยชน์ธุรกิจพลัง งานยังทรงอานุภาพนำมาเล่นงานรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้ง

ข้อหา "ขายชาติ" ยังวนเวียนอยู่ที่รัฐบาลพยายามนำพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไปผูกโยงการแบ่งครึ่งเกาะกูดให้กับกัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยน กับธุรกิจพลังงานปิโตรเลียมมหาศาลในอ่าวไทย ซึ่งประเมินว่า มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท

พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ขณะนี้ผูกเชื่อมไปสู่การรอศาลโลก "ตีความ" คำพิพากษาเมื่อปี 2505 เกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชานั้นมีอาณาเขตเช่นใดและศาลโลกนัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้

ส่วนที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชาประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาแบ่งเขตทางทะเลอย่างเป็นทางการมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เมื่อธันวาคม 2516, เมษายน 2538 และกรกฎาคม 2538 แต่ไม่มีข้อยุติ

ในปี 2544 สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ไทยได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเป็นการชั่วคราว โดยลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ปี 2544 หรือ "MOU 2544" เป็นกรอบในการเจรจาหาข้อยุติ

สาระสำคัญของ MOU 2544 อย่างน้อยมีอยู่ 3 ประการหลัก คือ 1.แบ่งพื้นที่ทับซ้อนออกเป็น 2 ระดับคือ พื้นที่กำหนดการแบ่งเขตทางทะเล และพื้นที่พัฒนาร่วมกัน โดยใช้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือเป็นเส้นแบ่งพื้นที่ดังกล่าว

2.การเจรจาให้ความสำคัญกับการดำเนินไปพร้อมกันทั้งกรอบแบ่งเขตไหล่ทวีปทางทะเลกับกรอบการจัดสรรผลประโยชน์ร่วมทางด้านพลัง งานปิโตรเลียม และ 3.ไทยกับกัมพูชาตกลงตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC)

ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว. กระทรวงการต่างประเทศผู้ลงนาม MOU 2544 เคย ตอบโต้ข้อกล่าวหานักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยว่า การเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์จากก๊าซและน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนจะต้องทำควบคู่กับการแบ่งเส้นเขตแดน เพราะหลัก การเช่นนี้จะป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองของทั้งสองประเทศเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์กันได้

พล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ อดีตเจ้ากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ผู้แทนไทยการเจรจาเขตแดนทางทะเลมาตั้งแต่ปี 2515 มีแนวความคิด ไม่แตกต่างกับ ดร.สุรเกียรติ์ โดยไม่เชื่อว่า นักการเมืองจะแสวงหาผลประโยชน์ส่วนบุคคลได้เพราะการเจรจาเจ้าหน้าที่มีบทบาทสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น พล.ร.อ.ถนอม กล่าวว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่าง ให้สิทธิสัมปทานในพื้นที่ทั้งนั้น โดยไทยให้ไปทั้งหมด 12 แปลงมีผู้รับสัมปทานไปมากกว่า 12 รายแล้วตั้งแต่ปี 2511 ส่วนกัมพูชาให้สิทธิสัมปทานไปทั้งหมดเมื่อปี 2540 โดยแบ่งเป็น 4 แปลง มีผู้รับสัมปทาน 8 บริษัท

ในปี 2550 บริษัทที่รับสิทธิสัมปทานในแปลง 3 และ 4 ของกัมพูชาได้ยกเลิกสิทธิสัมปทาน แต่บริษัทของฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจีน แสดงความสนใจที่จะเข้ารับสิทธิสัมปทานในแปลงที่ว่าง

การให้สัมปทานเช่นว่านี้ผู้รับสิทธิยังไม่สามารถ เข้าไปดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียม จน กว่าไทยและกัมพูชาจะสามารถตกลงกันได้ ความเป็นจริงเป็นเพียง "การจับจองสิทธิ" เท่านั้นเอง

การให้สิทธิ์สัมปทานคงเป็นการดำเนินการทางธุรกิจธรรมดาไม่มีอะไรน่ากังวลใจ และแต่ละบริษัทที่ให้สัมปทานไป ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ๆ ทั้งนั้น มีทั้งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลี เป็นต้น

ดังนั้น ถ้าไทยตกลงกับกัมพูชากรณีพื้นที่ทับซ้อนได้ ทั้งสองประเทศต้อง "ร่วมกันเจรจากับบริษัททั้งหลายที่ได้สัมปทานเหล่านี้ อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี เพราะว่ากรณีไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาเจรจาถึง 8 ปี"

สิ่งสำคัญคือ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถตกลงกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ ย่อมบ่งบอกได้ชัดเจนว่า ไม่สามารถเข้าไปแย่งสิทธิ์สัมปทานที่มอบ ให้บริษัทข้ามชาติระดับโลกไปแล้วทั้งนั้น

อีกส่วนหนึ่งคือ ทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้สิทธิ์ สัมปทานกับบริษัทพลังงานข้ามชาติอื่นๆ เรียบร้อย แล้วตั้งปี 2540 กรณีของกัมพูชา และในปี 2511 กรณีของไทย

นั่นสะท้อนว่า สิทธิ์สัมปทานเกิดขึ้นก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเล่นการเมือง ดังนั้น จึงเป็นไป ไม่ได้เลยว่า จะใช้อำนาจทางการเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์ด้านพลังงานในอ่าวไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับกัมพูชา

กัมพูชามีความต้องการอย่างสูงยิ่งต่อการ นำพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนมาสร้างรายได้เพื่อพัฒนา ประเทศ แต่ไทยต้องการให้ปัญหาพิพาทกรณีเขต แดนทางทะเลที่ทับซ้อนกันมีข้อยุติด้วย จึงวางกรอบ การเจรจาแบบ "ควบคู่ปัญหา" ไปบรรลุความต้อง การของสองประเทศ ถ้าเจรจาเฉพาะอย่างใด อย่างหนึ่งย่อมกระทำไม่ได้

ในประเด็นการแสวงหาผลประโยชน์จากนักการเมืองทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะของไทยนั้น เมื่อ ศึกษาในมิติประวัติศาสตร์แล้ว นับเป็นการยากที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องหรือแย่งชิงผลประโยชน์ให้ได้รับสัมปทานมาครอบครอง

การให้สิทธิ์สัมปทานกับบริษัทพลังงานข้ามชาติในพื้นที่ทับซ้อนนั้น ทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อแสดงจุดยืน "การเป็นเจ้าของ" ในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยกับกัมพูชา

ไทยให้สิทธิ์สัมปทานเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2511 และกัมพูชาให้ตั้งแต่ปี 2540 และสิทธิสัมปทานของบริษัทต่างๆ ในพื้นที่ทับซ้อนยังครอบครองอยู่ถึงปัจจุบัน ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาสู่การเมืองตั้งแต่ปี 2544 ภายหลังการให้สิทธิสัมปทานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มเคลื่อนไหวการ เมืองฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ นำข้อกล่าวหาขายชาติ มีผลประโยชน์พลังงานทับซ้อน มาปัดฝุ่น เล่นงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวอีกในปี 2556

เกมการเมืองมุ่งหมายทำลายล้างจึงย้อนกลับมาซ้ำรอยเดิมๆ ซ้ำซาก และจะขยายความรุนแรงมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายน เมื่อศาลโลกตีความ กรณีพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหาร

อารมณ์เคียดแค้น ชิงชัง ย่อมเต็มไปด้วยเกมทำลาย ไม่มีเบื่อ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ