“ไฮเออร์” กวาดยอดขายปี 64 โตสวนกระแสตลาดรวมซบ กางแผนโมเดลธุรกิจใหม่ & เพิ่มไลน์สินค้า รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 65 เต็มสูบ

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564

“ไฮเออร์”  กวาดยอดขายปี 64  โตสวนกระแสตลาดรวมซบ กางแผนโมเดลธุรกิจใหม่ & เพิ่มไลน์สินค้า รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 65 เต็มสูบ


นาย จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2564 ยังคงมีการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.3% เนื่องจากเศรษฐกิจ (จีดีพี) มีการขยายตัวต่ำ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีปี 2564 อยู่ที่ 0.7% เท่านั้น จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ที่ระบาดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แม้ทั่วโลกและประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ภาพรวมผลประกอบการของแบรนด์ไฮเออร์ ยังสร้างการเติบโตได้อย่างน่าพอใจ โดยคาดว่ายอดขายปี 2564 จะสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 7,921 ล้านบาท เติบโต 29% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วนแบรนด์แคนดี้ ซึ่งเปิดตัวทำตลาดเพียง 1 ปี สร้างยอดขายได้กว่า 250 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นโมเมนตัมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแบรนด์ไฮเออร์และแบรนด์แคนดี้ที่มีการปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคได้ทันท่วงที

ทั้งนี้ เมื่อแบ่งการเติบโตตามหมวดหมู่สินค้าปี 2564 เทียบกับปี 2563 ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยสินค้าทุกหมวด สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ เช่น  เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทสร้างยอดขายรวม 3,117  ล้านบาท (เติบโต 9%) และเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัวเพียง 0.3% เท่านั้น นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ยังได้ขยับขึ้นเป็น “ผู้นำอันดับ 1” มีส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงปริมาณเป็น 12.7% และยอดขายเติบโต 9% รวมถึงเป็นเบอร์ 1 ในแพลตฟอร์ม e-commerce มีส่วนแบ่งทางการตลาด 15% ตู้เย็นไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 1,673 ล้านบาท (เติบโต 27%) มีส่วนแบ่งทางการตลาด 12.1% จากเดิม 7.6% การโตก้าวกระโดดทำให้ไฮเออร์ขยับเป็นท็อป 4 ของตลาดในประเทศไทย ในขณะที่ช่องทาง e-commerce ไฮเออร์ยังทำผลงานโดดเด่น สร้างยอดขายมากกว่า 643 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 132% โดยหมวดพระเอกยังเป็นเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ และตู้เย็นไฮเออร์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด e-commerce ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% และ 27% ตามลำดับ”

ซึ่งตู้เย็นไฮเออร์ในหมวดไฮเอนด์นั้น เติบโตมากถึง 285% และตู้เย็นไฮเออร์ รุ่นมัลติดอร์ยังมียอดขายเป็นดับ 1 ในตลาดและอันดับ 1 ในแพลตฟอร์ม e-commerce แบ่งเป็น เครื่องซักผ้าไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 1,166 ล้านบาท (เติบโต 39%) มากกว่าตลาดรวมที่โตเพียง 5% ซึ่งทำให้เครื่องซักผ้าไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับที่ 4 ของตลาดเครื่องซักผ้าในประเทศไทย , ตู้แช่ไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 792 ล้านบาท (เติบโต 32%) มีส่วนแบ่งตลาด 38% ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาด ทีวีไฮเออร์ ยอดขายรวม 410 ล้านบาท (เติบโตสูงถึง 111%) โดยมีทีวีไฮเออร์ รุ่นขนาด 65 นิ้วสร้างยอดขายโตถึง 231% , เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ไฮเออร์ ยอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท (เติบโต 76%) . เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ ยอดขายรวม 178 ล้านบาท (เติบโต 89%) โดยมีการเพิ่มไลน์สินค้าในหมวดหมู่นี้มากขึ้น อาทิ เตา induction หม้อหุงข้าว เครื่องปั่น และเตาอบ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น ,เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 170 ล้านบาท (เติบโต 45%) ซึ่งตลาดภาพรวมในประเทศไทยเติบโตเพียง 14% โดยเครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์เน้นที่ตลาดไฮเอนด์มากขึ้น เพิ่มช่องทางการขยายและทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ,เครื่องครัวไฮเออร์ มียอดขายเติบโตสูงถึง 489%

สำหรับแนวทางธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2565 ไฮเออร์ยังทำการตลาดเชิงรุกทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกหมวดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่พอร์ตโฟลิโอและตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และทำการตลาดเชิงรุก โดยเฉพาะการบุกตลาดพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทแม่ได้มอบนโยบายและวางกลยุทธ์ให้ไฮเออร์ (ประเทศไทย) มีการขยายตลาดไปทางพรีเมียมมากขึ้น มุ่งผลักดันสินค้าหรือบริการที่เชื่อมอีโคซิสเทมของไฮเออร์เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงสินค้าที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (IoT) ได้โดยง่าย ที่ผ่านมาเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ เช่น ตู้เย็นไฮเออร์เติบโตดีมากถึง 285% จึงมองโอกาสในการบุกตลาด

 “ไฮเออร์ต้องเป็นองค์กรที่พร้อมปรับตัวรับทุกการเปลี่ยนแปลง ปรับแผนการตลาด ร่วมมือกับดีลเลอร์ พันธมิตรช่องทางต่างๆ เพื่อจำหน่ายสินค้าให้ได้เหมือนกับสถานการณ์ปกติ ผลักดันการเติบโต สานเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว โดยปี 2565 มุ่งสู่ยอดขาย 10,564 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2566 เรามุ่งมั่นจะก้าวเป็นผู้นำตลาดแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย และมียอดขาย 12,000 ล้านบาท

ด้าน ธเนศร์  บินอาซัน  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า แผนการทำตลาดแบรนด์ไฮเออร์ปีหน้า ยังมุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด และจะเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Smart Home และสินค้ารุ่นไฮเอนด์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย อาทิ กลุ่มตู้เย็นไฮเออร์ เพิ่มสินค้าใหม่กว่า 25 รายการ  , กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ จะมีสินค้าใหม่ 34 รายการ เพิ่มไลน์เครื่องชงกาแฟ และ เครื่องดูดควัน ซึ่งในปี 2565 บริษัทได้เตรียมทุ่มงบ 850 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเซ็ปต์ “Haier Inspired Living การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา” โดยปี 2565 ยังเป็นปีแห่งการพลิกโฉมแบรนด์ให้เป็นระดับพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น ทั้งหมดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวงกว้างไปสู่คนยุคใหม่​ในทุกเจเนอร์ชั่น

วรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอยู่ดี บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกกลยุทธ์สำคัญในปี 2565 ไฮเออร์ได้สร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ “อยู่ดี” ต่อยอดโครงการ Smart Sharing AC หลังนำร่องกับเครื่องปรับอากาศ สร้างยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท ด้วยยอดติดตั้งมากถึง 10,000 เครื่อง และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นมากกว่า 17,000 ราย สำหรับโมเดลธุรกิจ “อยู่ดี” ลูกค้าจะสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน 0% ทั้งหมวดเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ และทีวี ทั้งนี้ เราตั้งเป้าอีก 3 ปี (2565 - 2567) จะผลักดันให้มีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสูง 200,000 ราย สร้างรายได้แตะ 1,200 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการขยายดีลเลอร์ร้าน อยู่ดี 80 ร้านค้าทั่วประเทศ และขยายเครือข่ายร้านอยู่ดีขนาดเล็กอีกกว่า 200 ร้านค้าทั่วประเทศ

ด้าน ปิยะศักดิ์ ศรีบัว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กล่าวเสริมว่า สำหรับ แบรนด์ “แคนดี้” เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอิตาลี ในกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2565 นี้ แบรนด์แคนดี้จะมีการออกสินค้าโมเดลใหม่ ๆ เข้าทำตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงาน  พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เช่น ช่องทางโมเดริ์นเทรด เป็นต้น และยังคงรุกหนักทำตลาดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เป็นต้น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ