"มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ต้องรู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน โดยธรรมชาติมนุษย์ต้องมีการพบปะเผชิญหน้า กัน ประสานสัมพันธ์กันในเรื่องต่างๆ การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจึงเป็นคุณสมบัติ สำคัญของมนุษย์ซึ่งจะทำให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข การเผชิญหน้ากับบุคคลอื่นโดยตรงในลักษณะบุคคลต่อบุคคล หรือเป็นกลุ่มคณะ ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และทักษะทางด้านการนำเสนอ เพื่อสื่อสารจูงใจให้เกิดความคล้อยตาม และสามารถสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาอย่างเต็มใจ นำไปสู่การสร้างความประทับใจจนเกิดความพึงพอใจ และเกิดมิตรภาพช่วยเหลือ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
การเผชิญหน้ากันระหว่างบุคคลต้องทำให้บุคคลที่พบเจอมีความรู้สึกดี สร้างความประทับใจ และเกิดความเชื่อมั่น แล้วมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีก็จะ ตามมา ด้วยการอาศัยเทคนิคดังต่อไปนี้
1.เข้าถึงจังหวะอารมณ์ การบอกว่าใครมีอารมณ์ดีหรือไม่ ให้สังเกตที่ใบหน้า ท่าทางและถ้อยคำ ถ้ากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเต็มที่ ดวงตาเบิกกว้างแสดงว่า คนนั้นกำลังอารมณ์ดี แต่หากว่าทักทายด้วยรอยยิ้มแค่ที่มุมปากไม่ได้แผ่ซ่านไปถั่วถึงไปหน้า หรือเป็นยิ้มที่ฝืนธรรมชาติ เกิดจากการ แสร้งทำด้วยมารยาท เพราะเขากำลังอารมณ์ไม่ดี นอกจากนี้ การสบตาก็เป็น สัญญาณที่แสดงออกถึงอารมณ์ได้อย่างเด่นชัดเช่นกัน เมื่อกำลังอารมณ์ดี ก็จะ สบตาแบบตรงๆ บ่อยครั้ง ส่วนคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี จะมองต่ำหรือเมินหน้า ไม่ค่อยสบตา
2.เผชิญหน้าบ่อยครั้ง ความใกล้ชิดด้วยการเผชิญหน้าซ้ำๆ ต่อสิ่งกระตุ้นใดก็ตามจะนำไปสู่ความชื่นชม และชื่นชอบมากยิ่งขึ้นซึ่งสามารถพัฒนา ความสัมพันธ์และสร้างความผูกพันได้อีกด้วย มีการเปิดตัวเปิดใจให้มากขึ้น ไม่ทำตัวลึกลับ ปกปิด โดดเดี่ยวเดียวดาย หรือกล่าวว่า "ไม่มีเวลา" (ทุกคนมีเวลาเท่ากันคือวันละ 24 ชั่วโมง) แล้วจะไม่มีเวลาได้อย่างไร คนเราจะต้อง มีเวลา ต้องหาโอกาสในการพูดคุย พบปะกับบุคคลอื่นให้มากขึ้น การพูดคุย พบปะจะทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น
3.แสดงความรักใคร่ชอบพอกัน คนเรามักจะชอบคนที่ชอบเรามากกว่า เมื่อเรารู้ว่ามีใครบางคนรู้สึกดีกับเรา เราก็มักจะรู้สึกดีกับเขา รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าคบ ดังนั้น เราจะต้องทำให้บุคคลอื่นทราบว่า เราชอบเขา รู้สึกดีและนับถือในตัวเขา ให้เกียรติเขา ความรู้สึกดี รู้สึกชอบอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั่น เป็นสิ่งที่ดีกว่าการทำให้คนอื่นชอบเราในทันทีทันใด ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ซึ่งกันและกัน แล้วจะประทับใจได้อย่างไร
4.รู้และเข้าใจคล้ายคลึงกัน คนเราจะชอบผู้ที่คล้ายคลึงกับตัวเรา และสนใจเรื่องต่างๆ คล้ายกัน ความคล้ายคลึงและมีอะไรที่เหมือนกัน เข้าใจและ สนใจในเรื่องเดียวกัน จะทำให้เกิดความชอบพอซึ่งกันและกันได้อย่างไม่ยาก นัก สิ่งที่คล้ายกันจะดึงดูดสิ่งที่คล้ายกัน ทำให้รู้และเข้าใจเหมือนกัน สามารถ คุยกันรู้เรื่องและสนุกด้วยกัน
5.เข้าอกเข้าใจทำให้เขารู้สึกดี การให้ความช่วยเหลือแสดงออกถึงความมีน้ำใจอย่างแท้จริงและเป็นคนที่อบอุ่น คิดแต่เรื่องดีๆ มีความเข้าอกเข้าใจคนรอบข้าง ก็จะก่อให้เกิดความไว้วางใจ นำไปสู่ทัศนคติทางบวก มอบ ความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นกันเอง สอดคล้องกับตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน และ ต้องพึงระลึกว่า ไม่มีใครชอบคนโอ้อวด และไม่มีใครสมบูรณ์แบบทุกสิ่งทุกอย่าง การเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและมั่นใจเกินไปไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะทำให้คนอื่น รู้สึกดีด้วย
6.มองโลกแง่ดีมีทัศนคติเชิงบวก ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ย่อมมีทั้งสิ่งที่ดีงามและเลวร้ายปะปนกัน ท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสและทางออกเสมอ ไม่มีใครต้องการสิ่งชั่วร้าย ไม่มีใครต้องการเจออุปสรรค และไม่มีใครต้องการ อยู่ใกล้หรืออยากคบกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่สิ่งชั่วร้าย ไม่เข้าใจบุคคลอื่น ไม่เข้าใจสิ่งแวดล้อม เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการแต่สิ่งดี ๆ ต้องการคบคนดีที่มีทัศนคติเหมือนกัน มองโลกในแง่ดีทุกอย่างเต็มไปด้วยความสวยงามและศิลปะ
"มิตรภาพ" เกิดจากการเผชิญหน้า แล้วประทับใจซึ่งกันและกัน ขอให้ทุกคนร่วมการสร้างมิตร เพื่อความสุขในการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืน