"สถาบันพระปกเกล้า" ผ่าปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน

วันเสาร์ที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556



by : ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผ.อ.สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า

การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ มักเน้นที่เรื่องของสังคมเป็นหลัก และการพัฒนาด้านสังคมเป็นฐานในการพัฒนาด้านอื่นๆ ต่อไป แต่เราก็ไม่สามารถ มองอนาคตของเราได้ หากไม่มีการพิจารณาในเรื่องโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ในปัจจุบันได้มีความพยายามอย่างยิ่งในการที่จะเชื่อมหรือลดช่องว่างของสังคมมนุษย์ โดยที่จะหาวิธีการสร้างสังคม โลกให้มีความสามารถในการจัดการกับปัญหาต่างๆที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่ กระบวนการที่เหมาะสมในการพิจารณาหาแนวทางในการลดช่องว่างของสังคม คือการมองสังคมอย่างมีพลวัตและเป็นระบบ

ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการศึกษาเพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม และมีความสนใจในการจัดทำตัวชี้วัด เพื่อดูอาการของ สังคมในประเทศนั้นๆ การใช้ตัวชี้วัดแบบเดิมๆ คือ เน้นที่ปัจจัยทางการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลักเริ่มเปลี่ยนไป เพราะสังคมปัจจุบันมีความซับซ้อนยิ่งนัก หลายประเทศได้พัฒนาตัวชี้วัด เพื่อวัดระดับคุณภาพสังคมของชาติ บางประเทศพยายามพัฒนาตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อวัดระดับคุณภาพสังคม และการกระทำของมนุษย์ด้วย

การศึกษาในเรื่องดังกล่าว จึงได้ศึกษาสภาพสังคมไทยบนพื้นฐานของแนวคิดคุณภาพสังคมตามกรอบแนวคิดของมูลนิธิสนับสนุนคุณภาพสังคมแห่งยุโรป และเครือข่ายสนับสนุนคุณภาพสังคมแห่งเอเชีย ซึ่งกรอบแนวคิดคุณภาพสังคมจัดแบ่งได้ 4 มิติ ดังนี้

1. มิติความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคม หรือความมั่นคงของมนุษย์ (Social Economic Security) เป็นเรื่อง ที่ประชาชนมีความมั่นคงทางทรัพยากร รวมถึงทรัพยากรทางการเงิน ที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ และการจ้างงาน หากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขาดหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตก็มีโอกาส สูงที่จะต้องพึ่งพาระบบอุปถัมภ์ในทุกระดับ อันเป็นปัจจัยที่บั่นทอนคุณภาพประชาธิปไตยในรูปแบบของการสร้างประชานิยม แบบพึ่งพิง สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ คือ การส่งเสริมสวัสดิการสังคม โครงการประกันรายได้เกษตรกร และระบบเงินออม แห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงและ ลดการพึ่งพิงรัฐและนักการเมือง

2. มิติการยอมรับสมาชิกในสังคม (Social Inclusion) หมายถึงการยอมรับ ประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนเหล่านั้นจำเป็นต้องเข้าถึงและเข้าร่วมในสถาบัน ต่างๆ รวมทั้งความสัมพันธ์ทางสังคมในชีวิตประจำวัน การเข้าถึงการบริการทางสังคม เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับผู้ขาดแคลนทรัพยากร ซึ่งทรัพยากรสามารถช่วย เหลือผู้ขาดแคลนให้กลับสู่เส้นทางหลักของสังคมได้อีกครั้ง เราได้อธิบายมิตินี้ในรูปแบบของความเป็นพลเมือง สิทธิพลเมือง การไม่ถูกกีดกันออกจากสังคม การเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ และการมีเครือข่ายสังคม

3. มิติการเสริมสร้างอำนาจ/พลังทางสังคม (Social Empowerment) เป็นเรื่องของ การทำให้พลเมืองมีความสามารถที่จะควบ คุมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา และใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีให้พวกเขามีโอกาส มีทางเลือก ซึ่งในแนวคิดนี้การเสริมสร้างอำนาจ/พลังทางสังคมมีความหมายมากกว่าแค่การมีส่วนร่วมในทางการเมืองของ แต่ละคน สังคมที่จะมีคุณภาพประชาธิปไตย นั้น ต้องลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน การร่วมกันระหว่างรัฐและประชาชนในลักษณะสานเสวนาทางออกร่วมกัน อันจะต้องดำเนินควบคู่ไปกับธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน

และ 4. มิติความเอื้ออาทรและความสมานฉันท์ (Social Cohesion) คือ การมีสิ่งที่เชื่อมประสานกันที่ทำให้ชุมชน และสังคมอยู่ร่วมกัน เป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาสังคมและการสร้างความตระหนักตนของแต่ละคน ซึ่งมีองค์ประกอบมากกว่าเรื่องทุนทางสังคม แต่ยัง รวมถึงความสามัคคี การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กัน การมีค่านิยม มีบรรทัดฐานร่วมกัน ซึ่งหัวใจในการสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง และความเอื้ออาทร อยู่ที่สามเรื่องด้วยกัน คือ 1.กติกาพื้นฐานที่สังคมให้ ความเคารพ คือหลักนิติรัฐ นิติธรรม สิ่งที่ ท้าทายคือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างค่านิยมที่รองรับสิ่งนี้ได้ 2.หากมีความขัดแย้งหรือความเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ต้องใช้กระบวนการประชาธิปไตย คือให้ระบบรัฐสภาทำหน้าที่จัดการความขัดแย้ง ทางการเมือง 3.ค่านิยมในการปฏิเสธการใช้ความรุนแรง และกระบวนการสร้างความเกลียดชัง ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ หากไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้ จะไม่ สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้

และจากการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้าตามมิติคุณภาพสังคมของไทยในปี 2253 และ ปี 2555 โดยการเก็บข้อมูลจาก การสุ่มตัวอย่างตามความน่าจะเป็นจากประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในสังคมไทยนั้น ประเทศไทย ได้มีความพยายามที่จะสร้างความเข้มแข็ง เรื่องนี้ ด้วยนโยบายสังคมและเศรษฐกิจต่างๆ แต่เรื่องการยอมรับสมาชิกในสังคม นั้น พบว่า คนไทยมีความรู้สึกถูกแบ่งแยกเพราะสถานภาพเป็นสำคัญ มากกว่าประเด็นอื่น ประเด็นความเอื้ออาทรและความสมานฉันท์ในสังคมไทย ยังคงมีความเปราะ บางทางด้านความสามัคคี เพราะการลดลง ของความไว้วางใจกัน รวมถึงการเชื่อมั่นใน สถาบันต่างๆโดยเฉพาะสถาบันทางการเมือง เพื่อเสริมสร้างพลังอำนาจในสังคมไทย นโยบายต่างๆ จึงได้ถูกกำหนดขึ้น เพื่อ ให้สมาชิกในสังคมสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย การเปิดโอกาสที่มีมากขึ้น การให้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้รับการยืนยัน และนำไปปฏิบัติมากขึ้น แต่ อาจยังไม่เพียงพอเมื่อพบว่า การเข้าถึงสิทธิ เหล่านั้น ยังไม่เท่าเทียมกัน และบางคนยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธินั้นได้

ดังนั้น คุณภาพสังคมจะเกิดโดยตัวมันเองยาก ต้องมีสิ่งที่ทำให้กระบวนการสร้างคุณภาพสังคมเดินไปได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ระบอบการปกครอง ก่อให้เกิด สถาบันการเมือง และสถาบันต่างๆที่มาตาม วิธีการปกครอง หากเป็นประชาธิปไตยก็จะมีสถาบันการเมืองที่มาด้วยความชอบธรรม ทำให้เกิดการทำงานชอบธรรมและหากยึดหลักธรรมาภิบาล จะทำให้ระบอบปกครองที่เป็นประชาธิปไตยมีคุณภาพ สามารถออกกฎหมายและนโยบายที่เป็นประโยชน์กับทุกคนด้วยความเป็นธรรม เกิดนโยบายสังคมที่มีประสิทธิภาพ เมื่อนโยบายสังคม เน้นที่ภาคปฏิบัติได้จริงเกิดผลที่คุณภาพสังคม ที่เน้นการเกิดความเป็นพลเมือง และความเป็นจริง

เนื่องจากประเด็นคุณภาพสังคมเป็น เรื่องใหม่แต่มีการกล่าวถึงกันพอสมควร แต่ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพสังคมและคุณภาพประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ถูกต้องและปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลจึงพึงจัดทำเป็นนโยบายหลักและวาระแห่งชาติในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพสังคมไทยในทุกมิติและมอบหมายให้กระทรวงต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐนำนโยบาย ไปปฏิบัติให้เป็นผล มิใช่เพียงถ้อยคำของ "คุณภาพสังคม" แต่เป็นสาระและกระบวนการด้วย

และหลักธรรมาภิบาล ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นที่ต้องนำมาใช้ เพื่อให้ผู้นำนโยบายสังคมไปปฏิบัติต้องมีสำนึกรับผิดชอบในการทำหน้าที่โปร่งใสในการทำงาน ปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมาย และเปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมทั้งการให้ความ รู้กับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อนำนโยบายสังคมไปปฏิบัติได้จริงอีกด้วย การ ศึกษาวิจัยและรวบรวมองค์ความรู้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในกรณีศึกษาที่เป็นเลิศฯ จะเป็นการเพิ่มพูนแนวทางในการสร้างคุณภาพ สังคมให้เป็นจริง

ข้อเสนอสำหรับสังคมไทย คือ การสร้างจิตสำนึกของความเป็นพลเมือง ที่ยอม รับความแตกต่างบนการอยู่ร่วมกันที่เป็นสุข และสร้างความเท่าเทียม และเป็นธรรมให้ เกิดขึ้น คุณภาพสังคมจะเกิดไม่ได้หากสังคม นั้นมีประชาชนที่ขาดหรือด้อยในความเป็น พลเมืองที่มีทั้งสิทธิหน้าที่และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมไทยต้องทำร่วมกัน มิใช่ใครคนใดคนหนึ่งแต่ผู้เดียวที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดขึ้น และสร้างพลังตรงนี้ คือ รัฐบาล และหน่วย งานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง องค์กรอิสระ และสถาบันการเมืองที่ต้องทำงานไปพร้อม กัน และช่วยกันผลักดันคุณภาพสังคมให้เกิดขึ้น

ผู้เขียนเชื่อว่า คุณภาพสังคมจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากซึ่งคุณภาพประชาธิปไตย และคุณภาพประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าปราศจากคุณภาพสังคม ดั้งนั้น ระบอบการปกครองที่จะเสริมสร้างคุณภาพ สังคมได้อย่างมั่นคง คือ ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลเป็นองค์ประกอบและจะเป็น คุณภาพสังคมที่แนวคิดเบื้องหลัง คือ ความ เป็นธรรมและความเป็นพลเมือง ได้ถูกทำให้บรรลุอย่างแท้จริง..


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ