กระหึ่ม! วงการขายตรง "สมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย" หรือ TDNA เปิดตัวอย่างเป็นทางการ จับมือ 3 องค์กรระดับชาติร่วมปฏิรูปวงการขายตรงไทย ดึง "ม.หอการค้าไทย" ทำวิจัยหาข้อมูลตัวเลขที่ถูกต้องครอบคลุมทุกมิติ "นีโอ ไลฟ์" อัดฉีดหนุนงบ 2.64 ล้านบาท พร้อมเซ็น MOU ศูนย์อาเซียนฯ ผสานความร่วมมือเศรษฐกิจไทย-จีน-อาเซียน ด้าน "อ.ธนวรรธน์" ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯแย้ม อาจมีข่าวดี จีนเปิดประเทศรับ MLM เข้ามาดำเนินธุรกิจ ส่วน สคบ.หนุน จัดเสวนาชำแหละกฎหมายขายตรง 11 ปี มีดีมีเสียตรงไหน เดินหน้า "รื้อ-ซ่อม-สร้าง" จัดทำร่างกฎหมายใหม่ เสนอตั้ง สนง.กำกับดูแลขายตรงเป็นการเฉพาะ
นายนิโรธ เจริญประกอบ นายกสมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย (TDNA) เปิดเผยว่า เป็นความตั้งใจที่อยากจะร่วม พัฒนาวงการขายตรงไทยหลังจากที่เกษียณตัวเองจากการรับราชการในตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อปี 55 เพราะตลอดการทำงานราชการที่ต้องดูแลธุรกิจขายตรงมาทำให้ได้เห็นว่าเป็นธุรกิจที่ดี ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้คนไทยทุกระดับในจำนวนที่มหาศาล
แต่ด้วยความที่กฎหมายขายตรงที่ใช้อยู่ปัจจุบันอาจมีความล้าหลังไม่ทันสถานการณ์ในหลายเรื่อง จึงจำเป็นต้องเสนอให้มีการ แก้ไขกฎหมายขายตรงฉบับปัจจุบันให้สามารถจัดการปัญหาและกำกับดูแลธุรกิจขายตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากธุรกิจนี้ เติบโตอย่างต่อเนื่องมีมูลค่าตลาดนับแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศ มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก สคบ. ตั้งแต่บังคับใช้กฎหมายจากปี 2545 ให้ดำเนินธุรกิจขายตรงแล้ว เกือบ 900 ราย รวมทั้งมีผู้เกี่ยวข้องนับล้านคน
โดยประเด็นสำคัญที่สมาคมฯ จะรณรงค์ให้มีการแก้กฎหมาย หลักๆ ก็คือการเสนอให้มีการจัดตั้งสำนักงานกำกับกิจการขายตรง โดยให้แยกธุรกิจตลาดแบบตรงออกไปเป็นกฎหมายอีกฉบับ ซึ่งเป็น โครงการใหญ่ที่สมาคมฯ จะร่วมมือกับ สคบ.ผลักดันให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งหากเรื่องนี้ผ่านเป็นกฎหมายออกมา และสามารถจัดตั้งสำนักงาน นี้สำเร็จจะเกิดผลดีต่อธุรกิจขายตรงและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งคนไทยที่ประกอบอาชีพนี้อย่างมาก
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ควรจะแก้ไขเพิ่มเติม เช่น การให้มีการตั้ง กองทุนชดเชยให้ผู้เสียหาย โดยจัดเก็บเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ตามรายได้ของผู้ประกอบการให้มีการขึ้นทะเบียนนักธุรกิจขายตรง โดย ส่วนราชการที่กำกับดูแลเป็นผู้พิจารณาและออกบัตรประจำตัว ให้นิยามคำว่า ขายตรงใหม่ให้ครอบคลุมลักษณะการทำธุรกิจที่ตรงความเป็นจริงและทันสถานการณ์กว่าปัจจุบัน
ด้านนายพิศิษฐ์ แทนทิว เลขาธิการสมาคมฯ อดีตบรรณาธิการและคอลัมนิสต์ชื่อดัง นสพ.สยามธุรกิจ โดยปัจจุบันยังรักษาการคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรงที่ สคบ.จากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี และเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงการเกิดขึ้นของสมาคมฯ ว่า ได้คิด และวางแผนในการตั้งสมาคมที่เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงมานานก่อนหน้านี้นับปี โดยได้ พบปะพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องหลายคน จนมีการก่อตั้งสมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทยในที่สุดเมื่อปลายปี 2555 ซึ่งในการก่อตั้งสมาคมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากคนในวงการนี้อย่างมาก
"แนวทางการทำงานของ TDNA แตกต่างจากสมาคมอื่นโดยสิ้นเชิงตั้งแต่วิธี คิดที่ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งหมดเข้ามาเพื่ออาสารับใช้วงการนี้ อาสาทำงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงวงการนี้จริงๆ จะเห็นได้จากการแถลงข่าวเปิดตัวที่แตกต่าง กับการเปิดตัวสมาคมอื่นๆ เพราะในวันเปิด ตัว TDNA มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างทำวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงอย่างรอบด้านทุกมิติ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนกับองค์กรระดับชาติ มีการเซ็น MOU กับองค์กรจากต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นการทำเพื่อประโยชน์และการเปลี่ยนแปลงที่ดีในวงกว้างต่อส่วนรวม นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการเสวนาชำแหละกฎหมายขายตรงที่บังคับใช้มาตลอด 11 ปี โดยเป็นการสรุปจากเจ้าหน้าที่ สคบ.โดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้บริหารสมาคมบางส่วนได้เตรียมงานมาก่อนที่จะก่อตั้งสมาคมสำเร็จด้วยซ้ำไป" พิศิษฐ์ กล่าว
โดยในส่วนของการวิจัยนั้นได้ตัดสินใจ ว่าจ้างศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ด้วยงบประมาณ 2,647,125 บาท โดยทั้งหมดได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นับเป็น 1 ใน 2 โครงการ ใหญ่ในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะผลของการวิจัยที่จะเกิด ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้จะถูกนำไปผนึกเป็นโครงการเดียวกันกับการผลักดันร่างกฎหมาย ที่จะให้มีการจัดตั้งสำนักงานกำกับธุรกิจขายตรง เนื่องจากการจะเสนอให้มีการจัดตั้งสำนักงานใดๆ ขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาได้ง่ายๆ จึงต้องมีขั้นตอนและวิธีการ ซึ่งส่วนนี้นับว่าเป็น จังหวะที่ดีของ TDNA ที่ได้บุคลากรทั้งที่เคยเป็นผู้กำกับดูแลกฎหมายขายตรง ทั้งที่ มาจากนักธุรกิจมาจากสื่อมวลชนที่เคยเข้า ไปเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายขายตรงโดยตรงมาเป็นผู้บริหารสมาคม
ขณะที่การเซ็น MOU กับศูนย์อาเซียน นั้นนายพิศิษฐ์เปิดเผยว่า ศูนย์อาเซียนหรือ ชื่อเต็มว่า "ศูนย์อาเซียน สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน" ได้เข้ามาเปิดสาขาประเทศไทย มีอาจารย์ภูสิต เพ็ญศิริ เป็นรองประธานศูนย์ฯ นับเป็นความร่วมมืออีกก้าวหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ ประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนและขยายการค้าร่วมกัน โดยเฉพาะธุรกิจขายตรง ตลาดแบบตรงและแฟรนไชส์ โดยได้ทำกรอบข้อตกลงไว้เบื้องต้น 5 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ การถ่ายทอดข้อมูลความรู้ด้านเศรษฐกิจจีน ที่มีผลต่อการขายตรงตลาดแบบตรงและแฟรนไชส์ของไทย/การคัดเลือกผู้ประกอบการไทยไปสำรวจตลาดลู่ทางการลงทุนในจีน/TDNA จะสนับสนุนช่วยเหลือด้านการจัดการพีอาร์ให้ศูนย์อาเซียนในไทย/การสนับสนุนให้สมาชิก TDNA เข้าไปใช้ประโยชน์ด้านสถานที่กับพันธมิตรศูนย์อาเซียน ทั้งในไทยและจีนโดยได้รับสิทธิ์ในราคาพิเศษ เป็นต้น ทั้งยังคาดว่าความร่วมมือ ดังกล่าวนี้จะช่วยให้บริษัทสมาชิก TDNA สามารถที่จะขยายตลาดเข้าสู่อาเซียนรวมทั้งจีนที่จะเปิดตลาด MLM บางพื้นที่ในอนาคตได้ง่ายขึ้น
โดย อ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการที่ทางศูนย์ฯ รับงาน TDNA ในครั้ง นี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ขายตรง ซึ่งจากตัวเลขที่มีการทำโพลเมื่อปี 2548 จาก 2 สถาบัน ได้แก่ "สำนักวิจัยเอแบคโพลล์" ที่ชี้ให้เห็นว่า ปี 48 มีบริษัทขายตรงทั้งหมด 129 บริษัท มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 36,674 ล้านบาท ซึ่งขัดกับงานวิจัยของ "สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)" ที่ชี้ว่าปี 48 มีบริษัทขายตรง 420 บริษัท มูลค่าการตลาดอยู่ที่ 100,400 ล้านบาท ซึ่ง 2 งานวิจัยของ 2 สถาบัน นับว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งก็ไม่ทราบว่างานใดที่มีความใกล้เคียงตัวเลขจริงที่สุด
"การรับงานวิจัยครั้งนี้ของ ม.หอการค้า นับว่ามีความหนักใจในระดับหนึ่ง โดยเรื่องหลักที่ทางสมาคม TDNA ต้องการให้วิจัยออกมา คือ เรื่องของมูลค่าตลาดขายตรงในปัจจุบัน ซึ่งทางศูนย์ฯ ก็ต้องลำดับขั้นตอนการทำงาน โดยตอนนี้ได้เริ่มไปแล้วประมาณ 1 เดือน ซึ่งคาดว่าในช่วงปลายปี หรืออืก 6 เดือนข้างหน้า งานวิจัยครั้งนี้ก็จะเสร็จอย่างสมบูรณ์" อ.ธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่ในเรื่องของตัวเลขเท่านั้น ที่ TDNA ต้องการ แต่ยังต้องการให้งานวิจัยออกมาครบทุกมิติ เพื่อยกระดับวงการขายตรงไทย โดยมี 3 มิติใหญ่ ได้แก่ 1.มิติของการพัฒนาธุรกิจ 2.มิติ ในส่วนของภาครัฐ และ 3.มิติด้านประชาชน
"ทางศูนย์ต้องการที่จะทำงานวิจัยนี้ให้มีความสมบูรณ์ที่สุด เป็นประโยชน์ที่สมาคมฯ สามารถใช้ต่อไปได้อย่างดีที่สุด โดยที่สมาคมฯ สามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดได้อย่างเป็นประโยชน์ โดยการทำงานของศูนย์เป็นการทำเพื่อให้ผู้ว่าจ้างสามารถต่อยอดในงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป" ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้าไทย กล่าว
ในส่วนของ อ.ภูสิต เพ็ญศิริ ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียน สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจ และการค้า กวางตุ้ง-ฮ่องกง เผยว่า ขณะนี้ทางประเทศจีนมีความต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญระหว่างไทยกับจีน เพื่อหาความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศ อาเซียน และอีกไม่นานประเทศจีน ก็อาจเปิดโอกาสให้ธุรกิจเครือข่ายขายตรง เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนได้อย่างเต็มรูปแบบในเขตเศรษฐกิจสำคัญบางแห่งของจีนได้