“CPANEL-ซีแพนเนล” ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตไม่ต่ำกว่า 25% รับดีมานด์อสังหาฯ ฟื้น พร้อมคาดกำไรสุทธิพุ่งทะลุ 11% หลังต้นทุนลด-ยอดขายเพิ่ม เตรียมถกบอร์ด ก.พ.65 ลงทุนโรงงานใหม่เพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัว ชี้หากแล้วเสร็จดันรายได้แตะระดับพันลบ.
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) CPANELเปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10-15% ที่ได้ปัจจัยหนุนจากการเร่งระบายสต็อกของผู้ประกอบการ หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากมาตรการผ่อนปรนกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ทำให้ผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยได้คล่องตัวมากขึ้น รวมถึงแผนเร่งลงทุนเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่เน้นขยายการเติบโตตามหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่คาดว่าจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นจากการโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าในอีก 9 ปีข้างหน้าปริมาณประชากรภายในพื้นที่ EEC จะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปี 65 จะกลับเข้าสู่ระดับปกติก่อนเข้าตลาดที่มากกว่า 11% โดยบริษัทได้เพิ่มศักยภาพทำกำไรอย่างต่อเนื่องผ่านกลยุทธ์ลดต้นทุนการผลิตด้านต่างๆ และสามารถขยายกำลังการผลิตอย่างน้อย 5-10% ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3/64 ขยับขึ้นมาอยู่ระดับ 9.15%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามการรับรู้รายได้จากปริมาณงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นสุดไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 1,192 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทรับงานใหม่จากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ 7 โครงการ อาทิ Motif Townhouse,สัมมากร คู้บอน, พาโน เซน, Victoria, แสนสิริ K- series อ่อนนุช, TMT Land และ กานดา ลำลูกกา คลอง 2 มูลค่ารวมกว่า 199 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าประเภทแนวราบและแนวสูงอีกหลายรายคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้
ทั้งนี้รายได้ปี 64 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายใหม่ที่ปรับขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 35% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 63 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 221.16 ล้านบาท สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโรงงานผลิต Precast Concrete แห่งที่ 2 ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพิ่มรายละเอียดเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม
เบื้องต้นเตรียมนำเสนอเรื่องแผนลงทุนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทช่วงเดือน ก.พ.2565 เพื่อสรุปรายละเอียดอย่างชัดเจน โดยจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 2/65 และคาดว่าแล้วเสร็จไตรมาส 3/66 ซึ่งโรงงานใหม่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเท่าตัวจากโรงงานผลิตแห่งเดิมมีกำลังการผลิตที่ 720,000 ตารางเมตรต่อปี หากโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จก็จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,400,000 ตารางเมตรต่อปีทันทีรองรับกับความต้องการของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากกำลังการผลิตใหม่เดินเครื่องเต็มกำลังผลิตแบบเต็มปี คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้แตะระดับถึง 1 พันล้านบาท