Toggle navigation
วันเสาร์ ที่ 21 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ตั้งสติรับสถานการณ์ เขาพระวิหาร
ตั้งสติรับสถานการณ์ เขาพระวิหาร
วันเสาร์ที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
Tweet
ศาลโลกนัดตีความคดี "เขาพระวิหาร" ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เคยคาดการณ์ผลการตีความว่า มีแนวโน้มออกมา 2 ด้าน คือ "แพ้ หรือเสมอตัว"
ในทรรศนะของนายสุรพงษ์ไม่มีผลทางคดีว่า "ไทยจะชนะ" เนื่องจากคดีที่นำขึ้นสู่ศาลโลกเป็นความต้องการของกัมพูชา ส่วนไทยเป็นคู่กรณีจึงคัดค้าน ด้วยเหตุนี้ "ผลการเสมอตัว" จึงมีความหมายว่า ไทยชนะคดีไปโดยปริยาย
แต่นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการต่อสู้คดีการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 ประเมินว่า ผลการตีความ จะออกมาใน 4 แนวทาง
แนวทางที่ 1 ศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี แนวทางที่ 2 ศาลอาจตัดสินว่าขอบเขตพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นไปตามเส้นเขตแดนบนแผนที่ 1 : 200,000
แนวทางที่ 3 ศาลอาจตัดสินเป็นไปตามคำร้องของฝ่ายไทย หมายถึงขอบเขตปราสาทพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีไทย เมื่อ พ.ศ.2505
และแนวทางที่ 4 คือ ศาลอาจไม่ตัดสินให้เป็นไปตามคำร้องทั้งของไทยและกัมพูชา โดยอาจจะกำหนดขอบเขตพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารขึ้นมาใหม่
ไม่ว่าผลการตีความจะออกมาด้านใด ทั้งไทยและกัมพูชาล้วนเป็นมิตรประเทศในกรอบความร่วมมือประชาคมอาเซียน ทุกอย่างจึงมีสติมากกว่าการเผชิญหน้าใช้กำลัง
กรณีพิพาท "เขาพระวิหาร" ในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นเกิดจากกัมพูชาต้องการนำปราสาทพระวิหารเป็น "มรดกโลก" โดยเกี่ยวพันกับพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร รัฐบาลไทยสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2551 คัดค้านการผนวกพื้นที่ทับซ้อน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า พื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทย จึงกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง ประเทศ
กัมพูชายื่นเรื่องเมื่อ 28 เมษายน 2554 เพื่อขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 และขอให้ศาล โลกออกคำสั่งมาตรการชั่วคราวให้ไทยถอน ทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร
กระทั่งความแตกต่างในกรณีการเสนอปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่มรดกโลก ได้บานปลายไปสู่การช่วงชิงพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร จนหวนกลับไปสู่การตีความ การวินิจฉัยคดีเมื่อปี 2505 เพื่อหาพื้นที่ภายใต้อำนาจขอบเขต "อำนาจอธิปไตย" ให้กระจ่าง
อย่างไรก็ตาม ความคลุมเครือของศาลโลกอยู่ที่การวินิจฉัยแสดงความเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหาร แต่ไม่ได้ชี้ขาดในกรณี "แผนที่" ที่ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนกัน แต่สังคมทั้งสองประเทศต่างอยู่ร่วมกัน มาด้วยดีตลอด 50 ปี โดยยอมรับความเป็นเจ้าของตัวปราสาท
และเข้าใจในพื้นที่ทับซ้อนว่า ต้องนำ มารังสรรค์ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของสอง ประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย ได้ลงนามใน MOU 2543 ซึ่งยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนแบบ 1 : 200,000 ที่ผนวกพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เข้าไปด้วย
ความขัดแย้งยุคใหม่ของสองประเทศ เกิดขึ้นในทศวรรษ 2550 นับตั้งแต่กัมพูชาต้องการนำปราสาทพระวิหารพร้อมพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร (โดยอ้าง MOU 2543) ขึ้นเป็นมรดกโลก จนนำไปสู่ความขัดแย้งทั้งระหว่างประเทศและการเมืองภายในประเทศของไทย กระทั่งใช้กำลังทหาร ต่อสู้กัน
กรณีปราสาทเขาพระวิหารได้สร้างปัญหาทั้งในระดับระหว่างประเทศและภายในประเทศไทยอย่างน้อย 2 ประเด็นหลัก คือ ปัญหาการเมืองในประเทศและปัญหาสำนึก จักรวรรดินิยมล่าเมืองขึ้นยุคใหม่ของไทย
ปัญหาในประเทศเกิดขึ้นบนความแตกต่างในการพิจารณาผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องจากกรณีปราสาทพระวิหาร โดยฝ่ายรัฐบาลทุกยุคสมัย (ยกเว้นช่วงนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี) เชื่อว่าในคำวินิจฉัยของ ศาลโลกเมื่อปี 2505 และเห็นชอบร่วมกันว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน ทั้งไทยและกัมพูชาล้วนมีผลประโยชน์ร่วมกัน
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มอนุรักษ์ชาตินิยมไทย กลับเชื่อว่า พื้นที่เขาพระวิหารทั้งหมดเป็นไทยฝ่ายเดียว ดังนั้น จึงชูประเด็น "ทวงคืนสมบัติชาติ" กลับคืนมา
ประเด็นความเชื่อของพันธมิตรฯและกลุ่มแนวร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลยึดมั่นในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งไม่ใส่ใจกับการวินิจฉัยของศาลโลกทั้งในปี 2505 และคำวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2556
ความแตกต่างเช่นนี้นำไปสู่การทำให้ เกิดประเด็นทางการเมืองขึ้นมา โดยแยกประเภทรัฐบาลให้เป็นฝ่าย "ขายชาติ" ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นฝ่าย "รักชาติ" การแยกแยะเช่นนี้เกิดจากนำพื้นที่ทับซ้อนไปสู่ การแลกเปลี่ยนและแสวงหาผลประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ทับซ้อนจึงเท่ากับการ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของนักการเมืองขายชาติ ดังนั้น ตรรกการเมืองจึงถูกผนวก ไปสู่การ "ขับไล่" รัฐบาลที่ขายชาติ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ
กลุ่มพันธมิตรฯ โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เริ่มก่อหวอดเรียกร้องกดดันให้รัฐบาล "ไม่ยอมรับ" คำตัดสินของศาลโลก ซึ่งเท่ากับทำให้รัฐบาลประกาศ "ความเป็นเจ้าของ" ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่ฝ่ายเดียว
ปัญหาเบื้องหลังการแข็งกร้าวของกลุ่มอนุรักษ์ชาตินิยมไทย อยู่ที่แนวคิดว่า ไทยเป็นประเทศเอกราช มีแสนยานุภาพที่แข็งแกร่งกว่ากัมพูชา หากตัดสินปัญหาด้วย กำลังทหารแล้ว ไทยย่อมได้เปรียบและมีความเป็นไปได้ในการชิงพื้นที่เขาพระวิหารกลับมาสู่ไทยได้ตามเดิม
แนวคิดของพันธมิตรฯ และกลุ่มอนุรักษ์ ชาตินิยมได้ก่อปัญหา เกิดการปะทะทางการ ทหารมาแล้ว ชีวิตมนุษย์กลายเป็นเหยื่อ และตายบนซากความเชื่อเขตแดนทางประวัติศาสตร์ เป็นความชอบธรรม และอยู่เหนือชีวิต สังคม วัฒนธรรมความเป็นมนุษย์
ถึงที่สุดแล้ว ผลการตัดสินของศาลโลกย่อมอยู่ในกรอบทั้ง "ด้านดีและด้านลบ" ต่อรัฐบาล คือด้านดีเป็นการตัดสินให้ทุกอย่างคงสภาพเดิมตามคำตัดสินเมื่อปี 2505 แต่ด้านลบอยู่ที่ผลการตัดสินใหม่ลงรายละเอียดไปถึงการชี้ขาดให้พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มพันธมิตรฯ รุนแรงขึ้นถึงขั้นเกิดการปะทะกันของสองประเทศ
รหัสการเคลื่อนไหวอยู่ที่ "ปกป้องพื้นดินไทย" หากรัฐบาลไม่ทำตามย่อมถูกกล่าวหาว่า "ขายชาติ" แล้วนำไปสู่การขับไล่รัฐบาล
สถานการณ์ความระทึกในเดือนพฤศจิกายนนั้น เริ่มปรากฏร่องรอยความ แตกแยกมากขึ้น ต้องตั้งสติพิจารณาเหตุการณ์อย่างรอบคอบจึงจะปลอดภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ