เรียบร้อยโรงเรียน สคบ.
จัดว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงสำหรับ "จิรชัย มูลทองโร่ย" เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เลยก็ว่าได้ สำหรับนโยบายรณรงค์ให้ 26 วงการธุรกิจเข้ามาขอรับ ตราสัญลักษณ์ สคบ. ด้วยเหตุผลต้องการยกระดับ สร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจทั้ง 26 กลุ่ม เพื่อผู้บริโภคกิน หรือใช้สินค้าได้ อย่างมั่นใจ
3 กลุ่มธุรกิจแรก ซึ่งถือเป็น 3 วงการธุรกิจนำร่องของนโยบาย ได้แก่ ธุรกิจร้านค้าทองคำ, ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา และ ธุรกิจขายตรง
โดยมีการรับมอบเสร็จสิ้นล็อตแรกไปเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ในวันคุ้มครองผู้บริโภค ที่สคบ.เป็นเจ้าภาพจัดงาน
เหตุใดนโยบายนี้จึงได้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดง ก็เพราะ สคบ.นับเป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลผู้บริโภคเป็นหลัก ผู้บริโภคอยู่ดี กินอย่างมั่นใจ ถือเป็นผลงานที่เสมอตัว ไม่มีอะไรโดดเด่น การออกนโยบายเพิ่มเติมนับเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อผลงานที่เด่นชัด
ธุรกิจขายตรงนับเป็นวงการธุรกิจหนึ่ง ที่ก็ไม่ทราบว่า โชคดี หรือเปล่าอย่างไร ที่มีชื่ออยู่ในรายการ 26 วงการธุรกิจที่ต้องเข้า ขอรับตรา สคบ.
เพราะที่ผ่านมา จากการพูดคุยส่วนใหญ่ เห็นว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องเกินความจำเป็น เกาผิดที่คัน
แน่นอนว่าธุรกิจขายตรงต้องการเรื่องภาพลักษณ์ เพื่อเพิ่ม ความมั่นใจ เพราะธุรกิจขายตรงถูกยัดเยียดความเป็นธุรกิจสีเทา จากสายตาที่มองเข้ามาของผู้บริโภคโดยตลอด สิ่งที่จะเรียกความ มั่นใจจากผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นเรื่องที่คนทั้งวงการ ถามหา
แต่ด้วยกฎกติกาที่ สคบ.บัญญัติไว้ เป็นสิ่งที่คนในวงการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการหลายค่ายรับไม่ได้ โดยเฉพาะเบี้ยประกัน ที่ต้องทำกับบริษัทประกันที่ช่วงเริ่มต้น ต้องจ่ายปีละ 5% จากรายรับของแต่ละบริษัท
เรื่องนี้กลายเป็นข้อถกเถียง และบริษัทส่วนใหญ่เสียงแข็ง ว่า หากเรื่องนี้ต้องทำแลกกับตรา สคบ. ก็เห็นจะเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกินที่บริษัทขายตรงจะเอาด้วย
สิ่งนี้นำมาซึ่ง สคบ.ต้องเพิ่มทางเลือกให้กับบริษัทขายตรง และสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การให้ธนาคารการันตีความ มั่นคงของบริษัทด้วยเบี้ยขั้นต่ำ 5 แสนบาท
ส่งผลให้ 29 บริษัทขายตรง ได้รับตราสัญลักษณ์ สคบ. ไปนอนกอดเรียบร้อยเมื่อวันคุ้มครองผู้บริโภคที่ผ่านมา
ทั้ง 29 เป็นบริษัทขายตรงที่มีสังกัดอยู่ จากกว่า 40 บริษัท ที่ยื่นขอในช่วงแรก
จากปัญหาที่ผ่านไป 29 บริษัทที่ถือเป็นแบรนด์ขายตรงชั้นนำของวงการได้ตรา สคบ. ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำลดตอผุด
ปัญหาใหญ่กำลังจะเพิ่มขึ้น เพราะกฎกติกาหนึ่งที่ สคบ. เขียนตัวใหญ่เด่นชัด คือ บริษัทที่จะได้ตรา สคบ.ต้องมีสมาคมขาย ตรงสังกัด
เท่ากับว่า จากตัวเลขบริษัทขายตรงที่รายงานตัวว่ายังมีชีวิต อยู่ 353 บริษัท มีบริษัทที่สังกัดสมาคมไม่ถึง 70 บริษัท หมายความ ว่า อีกเกือบ 300 บริษัท ไม่มีทางได้ตรา สคบ.
และสิ่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทขายตรงที่ไม่ได้รับตรา สคบ. จะสามารถสู้ หรือประกาศตัวแข่งขันกับบริษัทขายตรงที่ได้รับตรา สคบ.ได้เด็ดขาด หากบริษัทที่ได้รับตราเอาเรื่องนี้เป็นตัวชูโรงความมั่นใจในมาตรฐาน บริษัทขายตรงที่ไม่ได้รับตรา สคบ. หรือ บริษัทที่ไม่มีสมาคมสังกัด เหนื่อยแน่
นี่เป็นเพียงปัญหาหนึ่งที่เกิด และกำลังจะรุนแรง การแข่งขัน ของวงการนี้จะสูงขึ้น ความเป็นศัตรูกันของบริษัทขายตรงด้วยกัน จะมีสูงขึ้น
ที่สุดการแบ่งชนชั้น แบ่งพรรคแบ่งพวก คงทวีความรุนแรงมากขึ้น...