เห็นทีจะลากกันยาว เมื่อนักธุรกิจ อิสระระดับบิ๊กของค่าย "กิฟฟารีน" ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายว่า ตั้งแต่กฎหมายปี 45 ออกมา ก็แทบจะไม่ได้กำกับดูแลอะไรธุรกิจขายตรงได้เลย มีแต่ความคลุมเครือ ไร้ซึ่ง ความชัดเจน อีกทั้งปัจจุบันไม่มีบริษัทไหนถูก หรือผิด หากกางกฎหมายขึ้นมาพูด
นายพีรเชษฐ์ ศรีพลัง นักธุรกิจระดับ ไดมอนต์ แกรนด์ พาราไดซ์ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยในประเด็นกฎหมายขายตรงว่า นับตั้งแต่กฎหมายขายตรงถูกประกาศ และบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2545 จนถึงทุกวันนี้ ก็มีแต่ความคลุมเครือ ไร้ซึ่งความชัดเจนมากมายหลายจุด
"ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กฎหมายขายตรงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นี้ ไม่มีความชัดเจนในเรื่องใดเลย ไม่ว่าบริษัทใดจะทำอะไรอย่างไร ก็ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะหลายบริษัทสามารถพูดจากผิดให้กลาย เป็นถูกได้ เนื่องจากความคลุมเครือไม่ชัดเจนของกฎหมายที่ใช้อยู่"
โดยไม่ว่าบริษัทใดจะทำผิดกฎหมายข้อไหนอย่างไร ก็สามารถ เลี่ยงได้ว่าทำถูก การดูแลของหน่วยงานรัฐไม่ควรที่จะเป็นการดูแล จากหน่วยงานเล็กที่สังกัดหน่วยงานใหญ่ของรัฐ อย่างทุกวันนี้ที่ขาย ตรงถูกกำกับดูแลจากหน่วยงานหนึ่งใน สคบ. ซึ่งทั้งจำนวนคน และ งบประมาณไม่สามารถดูแลธุรกิจได้ทั่วถึงอย่างที่ควรจะเป็น "ยกตัวอย่าง การที่มีคณะกรรมการดูแลธุรกิจขายตรง สคบ. ก็ไม่ควรนั่งเป็นหัว เพราะด้วยภาระของสคบ.ที่มากแล้ว การนั่งเป็น หัวของคณะกรรมการขายตรง ก็เหมือนยังดูเป็นการฝากเลี้ยงอยู่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีประโยชน์"
หากจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายขายตรง สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนคือ หน่วยงานที่เป็นหลักในการดูแลธุรกิจ เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับ ใช้ยังไม่มีขนาดที่ใหญ่พอ มีอำนาจพอ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายก็ดูไร้ซึ่งประโยชน์
โดยในช่วงที่ผ่านมา ที่มีการใช้กฎหมายตัวนี้ รัฐก็พยายามที่จะคลอดกฎหมายลูกออกมาช่วยดูแลกำกับขายตรง แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นจะมีกฎหมายลูกอะไรอย่างที่เอ่ยถึง การแก้ไขกฎหมายก็มีการพูดถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรื้อแล้วสร้างใหม่ จนทุกวันนี้ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
"สรุปแล้ว การจะแก้ หรือไม่แก้กฎหมายในความคิดเห็น ส่วนตัว ถือว่าแล้วแต่ภาครัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาก็อยู่ได้อยู่บนความ คลุมเครือ ไม่มีบริษัทใดกระทำผิด เพราะบริษัทที่ทำผิดก็มีรูโหว่ทาง กฎหมายพูดเอ่ยได้ว่าเป็นบริษัทที่ทำถูกกฎหมายปัจจุบัน ไม่มีความ ชัดเจนที่จะชี้ผิดชี้ถูก หากรัฐต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายก็ ต้องเปลี่ยนกันยาว หากจะออกกฎหมายลูกก็เป็นเพียงการทำให้รัฐทำงานง่าย ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่ธุรกิจขายตรงจะได้รับอย่างที่ ควรจะเป็น" พีรเชษฐ์ กล่าวสรุป