เรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ ซึ่งธุรกิจขายตรงยังต้องพึ่งสิ่งนี้อยู่
ความไม่ชัดเจนเป็นปัญหาที่ธุรกิจขายตรงแทบทุกบริษัท ประสบด้วยเหตุจากบรรดาขี้ฉ้อที่ยังใช้ช่องทางของกฎหมายหากิน ในทางมิชอบ ความไม่ชัดเจนของรัฐเปิดรูโหว่ให้ผู้บริโภคมอง ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจอันตราย
ธุรกิจสีเทา คือ คำจำกัดความของธุรกิจขายตรงที่ผู้บริโภค มอง และพูดถึงการสร้างภาพลักษณ์เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการเข้าใจ และพยายามคิดหาวิธีเพื่อทำให้บริษัทของตนรอดพ้นจากคำจำกัดความดังกล่าว
กิจกรรมเพื่อสังคม จึงถูกหยิบยกขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ สิ่งนี้ถูกพูดถึงในนาม CSR
CSR เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษว่า Corporate Social Responsibility (CSR) หรือ บริษัทบริบาล หมายถึง การดำเนินกิจกรรมภายในและภายนอกองค์กร ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งในองค์กรและในระดับใกล้และไกล ด้วยการ ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรหรือทรัพยากรจากภายนอกองค์กร ในอันที่จะทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข
โดยเข้าใจง่ายๆ CSR คือ การทำกิจกรรมเพื่อเป็นประโยชน์ ต่อสังคม
นี่คือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนมีความรู้สึกนึกย้อนว่า CSR หายไป
ทำไมถึงหายไป อาจเป็นเพราะช่องทางการทำตลาดที่มากขึ้น การสร้างภาพลักษณ์ถูกใช้ด้วยวิธีการอื่น หรือผู้ประกอบ การหลายบริษัทมองข้ามสิ่งนี้ไป โดยไปมุ่งกับสิ่งอื่นมากกว่า แทนที่ จะมาทำอะไรอย่างนี้ สู้ไปทำอย่างอื่นที่ได้ผลมากกว่า ชัดเจนกว่าน่าจะดีกว่า
CSR เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และไม่ควรหยุด หรือ เลิกทำ
แม้ว่าการทำดีให้กับสังคม มุมหลักคือการสร้างภาพ-ลักษณ์ เพื่อให้คนนอก หรือผู้บริโภค มองกลับมาว่าบริษัทนั้น บริษัทนี้ดี และหันมาซื้อสินค้ากับบริษัทที่ทำเพื่อสังคม สุดท้าย เป็นการหากำไร แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าจะหากำไรเพียงอย่างเดียว โดยไม่นึกถึงสังคมแต่อย่างใด
ปัจจุบัน CSR ถูกลดความสำคัญลง แต่ก็มีอีกหลายแบรนด์ ที่ยังเดินหน้าทำสิ่งนี้อยู่ เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นบ้าง ล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้เขียนอยากให้เกิดขึ้น โดยถือเป็นการปันน้ำใจจากผู้ที่เคย ได้รับ ส่งต่อไปสู่ผู้ที่ยังยากไร้ สิ่งที่กล่าวมานี้มีแต่ได้กับได้
ส่วนบางแบรนด์ที่จ้องแต่จะเอากำไร ไม่สนใครในสังคม ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เห็น บริษัทที่คิดเช่นนี้ ก็จมปรัก เคยอยู่ ยังไงก็อยู่อย่างนั้น
ตลอดการอยู่บนสนามข่าวของวงการขายตรงของผู้เขียน นี่ก็หลายปี โดยที่ผ่านมาทำข่าวเกี่ยวกับ CSR หรือกิจกรรมเพื่อ สังคมมาก็มาก ทุกครั้งที่ลงนั่งเขียนข่าวทำนองนี้ ในใจก็พลอย อิ่มเอิบกับบริษัทใจบุญเหล่านั้น
แต่อย่างที่กล่าว ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เหมือนสิ่งนี้เริ่มหายไป จะมีบ้างก็บริษัทเดิมๆ ที่พวกเขาจัดเป็นนโยบายบริษัท ที่ต้องทำ ก็ขอแสดงความนับถือในจิตใจอันเป็นบุญ
คงไม่ถึงบังคับหรือประจาน แค่อยากเห็นกิจกรรมเพื่อสังคมดำเนินต่อ
อย่างน้อยก็ถือเป็นการปันกำไรสู่สังคมผู้ยาก
ส่วนผู้เขียนก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เพราะที่สุดแล้ว หลักๆ ของสื่ออย่างหนึ่งก็คือ ดูเขารวย ช่วยเขาดัง อย่างเขาว่านั่นแหละ...