สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

เกมการเมืองมันพลิกผันได้เพียงพลิกฝ่ามือ เหมือนเซียนเล่นไพ่

แค่ทิ้งไพ่ผิดใบเดียว ก็ "เสียค่าโง่" ไปอย่างเจ็บปวดกระดองใจ

แล้วคุณทักษิณ ชินวัตร ก็เล่น "ไพ่การเมือง" แบบ "ตีโง่" อย่างช่วยไม่ได้ เพียงเพราะไปใช้บริการคนแม่นกฎหมายที่ไม่เคยมีผลงานระดับกู้บ้านกู้เมืองมาก่อนอย่าง "ประยุทธ์ ศิริพานิช" ด้วยการให้บิด พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งคุณวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ต้องการให้นิรโทษเฉพาะประชาชนผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยหลายคนยืนยันตลอดมาว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่เหมารวมไปถึงแกนนำผู้ชุมนุม และผู้สั่งการระดับสูงของรัฐบาลให้เกิดการสลายม็อบแบบไล่ล่าฆ่าชีวิตมนุษย์เกือบร้อยศพจนกลายเป็นประวัติศาสตร์รัฐบาลเปื้อนเลือดมาเมื่อปี 2553

กลุ่มราชนิกูลที่ออกมาต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ บอกว่าเป็นกฎหมายไม่บริสุทธิ์

มองตามสถานการณ์การเมือง พ.ร.บ.นิรโทษฉบับนี้ ก็แปลงสารผิดหลักการเดิมเหมือน "ลักไก่" คล้ายเอกสารสอดแทรกที่ชอบ "ยัดไส้ ในระบบราชการ เปรียบเทียบกับรัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร ก็ไม่ต่างกับคนตระบัดสัตย์ ที่แปลงคำพูดจากที่เคยยืนยันมาตลอดว่า จะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะไม่เล่นการเมือง แต่แล้ว พลเอกสุจินดาก็ "ตายน้ำตื้น" เพราะยอม เสียสัตย์ เพื่อชาติ" แล้วก็เสียผู้เสียคน เสียพลังที่เคยแข็งปึ้กมาตลอดของ "จปร.5"

การพลิกเกมของ คุณทักษิณที่ "อยากกลับบ้านแบบเท่ๆ" น่าเห็นใจ เนื่องจากคนเราอยู่ห่างบ้านนานๆ ก็พยายามหาช่องโอกาสที่จะกลับทุกวิถีทาง เหมือนคนที่เคยต้องโทษแล้วแอบหลบเข้ามาเยี่ยมบ้าน เช่น กำนันเป๊าะ ในที่สุดก็ถูกจับได้... หรือบางคนที่กลับเข้ามาหลายหนแล้ว แต่ยังถูกจับไม่ได้ก็รอดตัวไป...แต่สักวันหนึ่งถ้าพลาด พลั้งไป ก็ไม่แน่ว่าจะรอดหรือไม่

คุณทักษิณ เคยพูดในที่สาธารณะมาตลอดว่า ตัวเองอยู่ต่างแดนจนเคยชินแล้ว ถ้า สถานการณ์ภายในประเทศยังไม่เย็นลง ตนเองก็คงไม่รีบร้อนที่จะกลับมา เพราะอยู่ต่างประเทศจนได้สัมผัสบรรยากาศการเมืองทั่วโลก และเห็นประสบการณ์ที่กว้างไกลเพื่อนำมาเผย แพร่ความคิดให้กับพรรคการเมืองที่น้องสาวของตัวเองบริหารอยู่ได้นำไปปรับใช้ได้

แต่เพราะอาการ "ไกลบ้าน" ทำให้การพูดของคุณทักษิณต่อสาธารณะ ไม่ตรงกับที่คุณทักษิณพูดกับคุณประยุทธ์ ศิริพานิช ซึ่งอ้างว่าไปพบคุณทักษิณ แล้วบอกว่า "คุณทักษิณอยากกลับบ้าน" ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่หวัง "เอาใจนาย" ด้วยการสร้างผลงานอาศัยการพลิกแพลงของ พ.ร.บ.นิรโทษ มาเป็นโอกาสให้ครอบคลุมแบบ "เหมาเข่ง" โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

ฝ่าย "เป่านกหวีด" ที่ดูๆ แล้วไม่รู้ว่าจะเป่าหวีดหวิวดังหรือไม่ ก็ฉวยโอกาส "พลิกเกม" จากความไม่ซื่อสัตย์ของกระบวนการนิรโทษกรรมที่ผิดพี้ยนไป เลยเป่านกหวีดอย่างคล่องปากเสียงลั่นไปทั้งเมือง

ม็อบที่เคยขยับตัวไม่ออก และ "กินแห้ว" มาหลายม็อบ จึงได้โอกาสพิเศษที่ฝ่ายคุณทักษิณ "เสียท่า" กระดี๊กระด๊ากลายเป็นแนวร่วมที่ทรงพลังขึ้นทันควัน

ความตั้งใจที่จะค้านแค่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็กลายเป็นความมุ่งมั่นใหม่เพื่อ "ไล่รัฐบาล" เสียเลย

มองไปที่นายกฯปู ที่ทำท่าว่ามีประสบการณ์การเมืองเข้มข้นขึ้นกว่ายุค "แค่ 49 วันนั่งนายกฯ" พอเจอ "สึนามิการเมือง" ลูกใหญ่ขนาดนี้ ก็ "ออกอาการ" ชัดเจนว่า "เอาไม่อยู่" และ "ไปไม่เป็น" ทำอะไรก็เงอะงะงุ่มง่ามไม่ถูกแม้แต่การวางสีหน้า จะพูดจาหรือไม่พูดอะไรก็ถูกด่าได้ทุกซอกทุกมุม

ยิ่งหันไปดูม็อบที่ทรงพลังอย่าง "เสื้อแดง" บัดนี้กลายเป็นม็อบที่เข้มแข็ง แต่ก็ "แตกยับ" ไม่มีชิ้นดีกับคุณทักษิณไปโดยปริยาย แม้ไม่ร่วมกับม็อบประชาธิปัตย์ แต่ก็เป็น "แนวร่วมมุมกลับ" สนับสนุนม็อบประชาธิปัตย์โดยอัตโนมัติที่โกรธแค้นด่าทอคุณทักษิณและ "ไม่กินเส้น" กับพรรคเพื่อไทยอีกต่างหาก

มองไปให้ทั่ว จะเห็นว่า กองทัพในวันนี้ เป็นเพียงกองกำลังเดียวที่ "ไม่สุ่มสี่สุ่มห้า" เหมือนกองทัพยุคบิ๊กบัง นอกจากรัฐบาลพยายามไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับเกมการเมืองแล้ว กองทัพเองก็รู้ตัวเองดีว่า ยุคสมัยที่ประชาชนทุกกลุ่มทุกม็อบมีความเข้าใจการเมืองดีขึ้นระดับหนึ่ง จึงไม่ควรกระโดดเข้ามาคลุกโคลนการเมืองเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น "อาวุธและรถถัง" ก็อาจกลายเป็น "ตัวพลิกเกม" ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่ใครก็คาดไม่ถึงได้อีกเช่นกัน

"มือที่มองไม่เห็น" หรือก็ขยับลำบาก นอกจากเอออวยไปตามสถานการณ์ ซึ่งยามนี้ผู้นำที่หมดราคาไปแล้วอย่าง "เทพเทือก" กลายเป็น "ดาวจรัสแสง" ขึ้นมาในบัดดลพร้อม "นกหวีดทองคำ" ที่ฝ่ายคุณทักษิณยื่นให้เป่าโดยไม่ได้ตั้งใจ

มันช่างเป็นโอกาสทองของใครบางคนจริงๆ โดยลืมคำเตือนของประธานสภาอย่าง คุณสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่เคยหลุดคลิปเตือนมาแล้วว่า จงรักษาอำนาจให้เนียนๆ นานๆ จะดีที่สุด

ก็คนบนดอยเผ่าแม้ว ชอบลืมตัว "ตีไพ่โง่" แบบเมาอำนาจยังงี้นี่แหละ ถึงทำให้การเมืองบ้านเราไร้เสถียรภาพโดยไม่เข้าเรื่องเข้าราวซักที