Toggle navigation
วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
ขายตรง
"คิงส์เฮิร์บ" เจอตอขยาย AEC "ลาว-เขมร-ญวน" ติดก.ม./ตั้งราคายาก
"คิงส์เฮิร์บ" เจอตอขยาย AEC "ลาว-เขมร-ญวน" ติดก.ม./ตั้งราคายาก
วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556
Tweet
"คิงส์เฮิร์บ" ยอมรับยังติดเรื่องกฎหมายกับการตั้งราคาสินค้าในการขยายสาขาประเทศลาว, กัมพูชา และเวียดนาม เชื่อไม่เกินกลางปีน่าจะมีความชัดเจน โชว์ออฟฟิศใหม่ ลงทุน 70 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าทำตลาด 3 ทาง 1.ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ 2.เอาใจนักธุรกิจ 3.ดันสินค้าผูกใจผู้บริโภค ชี้ "คอลดาต้า" ยังเป็นพระเอก ครองส่วนแบ่งยอดขายบริษัทกว่า 70%
ดร.ปพน ลิ้มธำรงค์กุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เฮิร์บ เวิร์ด 1999 จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของคิงส์เฮิร์บว่า ด้วยการมีสินค้าที่ดี มีโรงงานเป็นของตนเอง และการมีรากฐานธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง โดย โรงงานสามารถผลิตสินค้าได้เต็มที่คือ 2 ล้านขวดต่อเดือน ซึ่งปัจจุบัน มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 3 แสนขวดต่อเดือน โดยบริษัทเชื่อว่า เมื่อ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้นมา ในปี 58 บริษัทจะสามารถ สร้างโอกาสทางธุรกิจ และสามารถก้าวขึ้นไปสู่ 1 ใน 10 ของบริษัท ขายตรงชั้นนำในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
"การขยายธุรกิจในปัจจุบันบริษัทได้เดินหน้าชิมลางในรูปแบบการนำสินค้า เข้าไปขายแล้วในหลายๆ ประเทศที่อยู่รอบๆ ไทย โดยมีประเทศลาว, กัมพูชา และ เวียดนาม ที่เริ่มมีการมองและวางแผนที่จะ เข้าไปเปิด แต่ทุกสิ่งยังติดในเรื่องของค่าเงิน ซึ่งส่งผลต่อการตั้งราคาของสินค้า แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปีนี้หลายสิ่งหลายอย่างก็จะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งบริษัทพยายาม ศึกษาเรื่องต่างๆ อยู่ในขณะนี้" ปพน กล่าว สรุป
อีกทั้งขณะนี้ ทางบริษัทได้ทำการเปิด อาคารสำนักงานใหญ่หลังใหม่ขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ โดยตั้งอยู่ย่านถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นอาคาร 6 ชั้น โดยได้ใช้งบทั้งหมดแล้ว กว่า 70 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการวางรากฐาน ที่สำคัญของบริษัท ในการก้าวไปสู่ความฝัน ในอนาคตต่อไป
โดยอาคารหลังใหม่นี้ เป็นอาคารพาณิชย์ 6 ชั้น รองรับสมาชิกได้ 400-500 คน ทั้งยังมีห้องประชุมที่สามารถจุคนได้ถึง 200 คน ซึ่งในช่วงการเปิดแรกๆ นี้ บริษัทก็จะยังคงอาคารหลังเดิมย่านบางเขนไว้ เพื่อ เป็นจุดในการประชาสัมพันธ์ในเบื้องต้น ซึ่ง ต่อไปก็จะทำการปิด แล้วมาใช้อาคารหลังใหม่ นี้อย่างเต็มรูปแบบ
อนึ่ง บริษัทได้ดำเนินการภายใต้ สโลแกนว่า "เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น กับคิงส์ เฮิร์บฯ" เนื่องจากบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงและมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความ โปร่งใสและซื่อตรง พร้อมด้วยคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจพร้อมที่จะผลิตและพัฒนา สินค้ารวมถึงบริการให้มีคุณภาพดีที่สุด อันจะนำสมาชิกและนักธุรกิจทุกคนไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตร่วมกัน
"เรามอบโอกาสการเป็นเจ้าของธุรกิจ แด่ทุกท่านที่ต้องการประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยม และแผนการตลาดที่จ่ายผลตอบแทนคุ้มค่า และเป็นธรรม ตลอดจนเกียรติยศชื่อเสียง และฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ" ดร.ปพน กล่าว
โดยในส่วนปัจจัยการเติบโตที่จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นไปสู่ตัวเลขพันล้านได้นั้น "ดร.ปพน" กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้นั้น มาจากเหตุผล 3 ประการ ด้วยกัน นั่นคือ 1.บริษัทเห็นความสำคัญของ การโฆษณาประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงสื่อมวลชน 2.บริษัทเห็นความสำคัญของการดูแลสมาชิกเป็นอย่างดี ดุจคนในครอบครัว เดียวกันอยู่เสมอ และ 3.บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลผู้บริโภคผ่านการมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า อยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี ในเรื่องของสินค้านอกจาก สินค้าพระเอกคือ "คอลดาต้า" ตัวเดิมที่เป็นสินค้าขายดีของบริษัทแล้ว ทางคิงส์เฮิร์บ ยังได้ออกตัวเสริมของสินค้ากลุ่มนี้คือ "คอลดาต้า ซูเปอร์ทู" ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเสริมอาหารที่อยู่ในหมวดวัตถุดิบของพลู คาว เช่นเดียวกันกับ "คอลดาต้า" ตัวเก่า ซึ่งจะมีการออกฤทธิ์ที่เร็วกว่า ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้คือพระเอกของบริษัท อีกทั้งยังมีสินค้าในกลุ่มเกษตรที่บริษัทได้ทำการเปิดตัวขึ้นใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับต้นไม้ ภายใต้ชื่อ "คอลดาต้า ซูเปอร์ กรีน" และสบู่ "คอลดาต้า ซอฟ" ซึ่งทั้ง 2 สินค้าใหม่ที่กล่าวมานี้ นับเป็นสินค้าที่บริษัท เชื่อว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับบริษัท คิงส์เฮิร์บ ปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าเสริมอาหาร, สินค้าการเกษตร, สินค้าดูแลรูปร่าง, สินค้าความงาม, สินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม และสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีสินค้าเกี่ยวกับการบำรุงเครื่องยนต์ของรถยนต์ เป็นสินค้านำของกลุ่มสินค้าในกลุ่มนี้
โดยสัดส่วนการทำยอดขายของสินค้า ในแต่ละกลุ่มนั้น จะมีสินค้ากลุ่มเสริมอาหาร ที่มี "คอลดาต้า" เป็นสินค้าเรือธง ซึ่งครองส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 70% ส่วนอีก 30% ก็จะแบ่งกระจายออกไปในอีก 5 กลุ่มสินค้า ที่กล่าวมา
ในด้านการตลาดของคิงส์เฮิร์บนั้น จะมีภาคอีสานเป็นตลาดหลักของบริษัท ซึ่งครองส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 60% ทั้งๆ ที่ในอดีตที่ผ่านมา ภาคกลางจะเป็นภาคที่มี ยอดการเติบโตสูง แต่ที่ทราบกันดีว่า คนที่อยู่ภาคกลางส่วนใหญ่เป็นคนอีสาน ซึ่งนิยม ซื้อสินค้าส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่อยู่ในภาคอีสานทาน แต่เมื่อการขยายศูนย์ของบริษัท ก้าวหน้าไปมาก ทำให้คนที่อยู่ในภาคอีสานสามารถซื้อทานได้เอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อที่ภาคกลางเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศูนย์สินค้า ของบริษัทนั้น บริษัทจะเปิดให้สมาชิกของบริษัทร่วมเข้ามาเป็นเจ้าของได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่บริษัทได้วางคือ ต้องเป็นสมาชิก ที่มีเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 50 รหัส อีกทั้งต้องมีการส่งเรื่องเพื่อสอบศูนย์ เพื่อให้เกิดมาตร-ฐานเดียวกันทั้งหมดของศูนย์สินค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังจะมีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสินค้า และบริษัท เพื่อจะได้ให้คำตอบกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
“Zhulian Gala Night 2025” ปรากฏการณ์ค่ำค...
...
“ซูเลียน” ส่งชานม “ที พลัส 3 in 1” เขย่า...
...
Happy MPM Business Trip @ จันทบุรี...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Roya...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Adva...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ